..ผัวเอาหลานทำเมีย.. หลวงพี่เตือน!! ‘ขืนใจ หรือ สมยอม’

เรื่องโดย:พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)

ปิ่มแทบขาดใจ ผัวเอาหลานทำเมีย
โคตรช้ำหนัก!! ‘ทุกข์ที่แสนสาหัส’
หลวงพี่เตือน!! ‘ขืนใจ หรือ สมยอม’

     เจริญพรญาติโยมทุกท่าน  พลันที่รายการคิดไม่ออกบอกหลวงพี่น้ำฝน ออกอากาศ ทางททบ.5 จบลง เสียงโทรศัพท์สายแรกโทร.เข้ามา เป็นโยมสีกาท่านหนึ่ง บอกหลวงพี่ขา โยมมีเรื่องปรึกษาหารือ เป็นเรื่องของพ่อสามีตัวดี “ทำบัดสี”
    โยมเล่าต่อ  ที่ผ่านมารักกันดี ช่วยทำมาหากิน ประสบความสำเร็จในชีวิต มีลูกสาว 1 คน ลูกชาย 1คน ธุรกิจราบรื่นเจริญก้าวหน้า  จวบจนงานล้นมือ โยมต้องหาคนมาช่วยดูแลงานภายในบ้าน สุดท้ายต้องไปตามหลานสาว มาช่วยงานนี้ แต่ปรากฏว่าอยู่มาวันหนึ่ง โยมรู้สึกผิดปกติ ในพฤติกรรมของสามีที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ออกอาการ สนอกสนใจพะเน้าพะนอแต่หลานสาว แถมมีหยอกล้อเอาใจกันมากเป็นพิเศษ เหตุการณ์เฉกเช่นนี้ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนอยู่มาวันหนึ่ง โยมเริ่มจับได้ว่าทั้งคู่มีอะไรกัน เห็นกับตา จับได้คาหนังคาเขา วันนั้นโยมร้องไห้ปิ่มแทบจะขาดใจตาย ช้ำหนัก ทุกข์แสนสาหัส รู้สึกเสียใจในพฤติกรรมของสามีและหลานสาว
ที่ช้ำใจไปยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นยังพอให้อภัย  แต่นี่เป็นหลานสาวแท้ๆ หมายมั่นปั้นมืออยากให้มีอนาคตที่ดี แต่สุดท้ายมาทำกันได้ลงคอ!?!     “หลวงพี่น้ำฝน ช่วยให้คำแนะนำโยมด้วย ทุกวันนี้โยมอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจจริงๆ”
    ก่อนอื่นอาตมาต้องบอกโยมก่อน สำหรับเรื่องที่โยมเล่ามาทั้งหมดนี้ ถือเป็นเรื่องยอดฮิต ที่มีคนโทร.เข้ามาปรึกษาอาตมามากที่สุดในห้วงนี้ แถมมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ยกตัวอย่าง อยู่ในบ้านใหญ่ครอบครัวเดียวกัน เมียพาหลานสาวมาจากบ้านนอก เอามาช่วยงานในบ้าน ด้วยความที่เห็นเป็นหลานแท้ๆ จึงวางใจ แต่กลับกลายเป็นการ  ฝากแมวไว้กับปลาย่าง ทั้งแมวและปลาย่าง ต้องมาดูก่อนว่า ใครผิดใครถูก
เรื่องลักษณะนี้ มีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก หลานสาวของโยม อาจจะอยากเปลี่ยนฐานะ ยกระดับคุณภาพชีวิต เนื่องเพราะเห็นน้าสาวร่ำรวย มีความสุข เจริญก้าวหน้า ครอบครัวอบอุ่น ก็เลยเกิดความอิจฉาริษยา บวกกับความโลภ อยากเดินทางลัด ก็เลยออกอุบายจัดการยั่วยวนน้าเขย เพื่อให้เกิดอารมณ์ความใคร่ และส่วนใหญ่ผู้ชายมีสันดานมักมากทางกามคุณ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งพอใกล้ของใหม่ของหอม ก็อดไม่ได้ เป็นต้องตบะแตกทุกรายไป
ส่วนประเด็นที่ 2 สามีของโยมอาจจะไปข่มขืนลวนลามหลานโยม ก็เป็นได้ มีหลายรายบางทีอยู่บ้านเดียวกัน จับนิดจับหน่อย โอบบ้าง ลูบหัวลูบไหล่ แล้วก็เลยเถิด ไปถึงการบังคับขืนใจ  หลานพูดอะไรไม่ออก ตกกระไดพลอยโจน สมยอมไปตามเกม ไหลไปตามน้ำ  ก็สำเร็จเสร็จโจรทุกรายไป เช่นเดียวกัน
    แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ยังสรุปไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในเบื้องต้นถ้าให้อาตมาวิเคราะห์แบบง่ายๆ ยกตัวอย่าง อุปมา คนเราตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าพร้อมใจกันตบทั้งสองข้าง ย่อมเกิดเสียงดังอย่างแน่นอน
ฉะนั้นสิ่งที่อาตมาประเมิน จากความจริง มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือความยับยั้งชั่งใจ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ แตกต่างจากสัตว์ แต่ก็อาจจะพ่ายแพ้ต่อ ความต้องการ ฉะนั้นในมุมของอาตมา  ศีลธรรม จึงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงค่าของความเป็นคนได้อย่างแท้จริง
โยมสีกาในฐานะผู้ถูกกระทำ อาตมาเข้าใจ ห้วงนี้โยมทุกข์ทรมาน กระวนกระวายใจ ระแวงหวาดกลัว เจ็บลึกๆ เหมือนโดนแทงอย่างจัง  เหมือนโลกมลาย มันทุกข์มาก โมโหทุกครั้งที่เห็นหน้าสามี หงุดหงิดใจทุกครั้งที่พูดคุยกัน ถึงเวลานี้โยมต้องปล่อยวาง เอาเวลามาดูแลลูก สามีเมื่อเลิกกันไปแล้ว ก็เป็นคนอื่น แต่ลูกไม่สามารถเลิกเป็นแม่เป็นลูกกันได้  ฉะนั้นอย่าไปสนใจ!!! ลูกยังต้องเจริญเติบโต เลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ทุ่มเททุกอย่างให้ลูก ชีวิตโยมและลูกย่อมมีความสุขสมบูรณ์
สุดท้ายนี้ อาตมาขอเตือน บรรดาโยมสีกาภรรยาทั้งหลาย ต้องตามโลกอย่างรู้เท่าทัน อยู่กับความจริง อย่าหลอกตัวเอง เนื่องเพราะสังคมในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ชั่วโมงนี้ยุคสมัยเปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยียิ่งก้าวหน้า จิตใจมนุษย์ก็ถอยหลัง สังคมครอบครัวแบบดั้งเดิม ที่พ่อแม่และลูกๆพร้อมหน้าพร้อมตาล้อมวงกินข้าว หายไปแล้วจากสังคมไทย
     ทุกวันนี้คนในครอบครัวคุยกันน้อยลง พ่อแม่เลิกงาน ลูกๆเลิกเรียน ต่างแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน อยู่ในโลกส่วนตัวของใครของมัน อยู่ในสังคมคนก้มหน้า พอเช้าขึ้นมา ต่างคนต่างแยกย้าย ผู้ใหญ่คุยกับเด็กน้อยลง เพราะผู้ใหญ่เองก็ขาดการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ภายใต้เหตุผล เวลาไหนควรทำอะไร อย่างไร สังคมของเด็กกว้างขึ้น แม้จะเป็นสังคมแห่งโลกออนไลน์ ที่แต่ละคนสวมหน้ากากเข้าหากัน ขาดการเรียนรู้นิสัยใจคอ บางครั้งไม่เคยเจอหน้ากัน แต่คุยกันเหมือนสนิทชิดเชื้อ สามีภรรยายุคปัจจุบัน ก็เกิดปัญหาวุ่นวาย เมื่อกิ๊กสามารถหาได้ง่ายดายตามFacebook ตาม line
สมัยก่อนผู้ชายมีเมียน้อยจากความใกล้ชิด สมัยนี้แทบไม่ต้องใกล้ชิด เมื่อคุยกันในโลกออนไลน์ ถูกใจก็ใช่เลย ถ้าจะให้เลิกกันง่ายๆเหมือนเมื่อสมัยก่อนคงยาก สมัยก่อนห่างกันมากๆเข้าก็เลิกกันไปเอง แต่สมัยนี้สามารถคุยกันเห็นหน้ากันได้24ชั่วโมงด้วยระบบออนไลน์ ตัวนี้ล่ะที่ยิ่งทำให้เป็นทุกข์ในปัจจุบัน เป็นเหยื่อวัตถุ สิ่งล่อใจมีมาก ทำให้กิเลสมากขึ้นตามลำดับ
ดังนั้นการปล่อยวางทั้งด้านวัตถุที่เป็นรูปธรรม และการปล่อยวางทางจิตใจที่เป็นนามธรรม จึงเป็นหนทางให้โยมคลายความทุกข์ลงได้ ต้องตัดต้นตอของความทุกข์ทั้งมวลให้ได้ ยึดมั่นสิ่งใด ก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น ต้องรู้จักปิดหูปิดตา และปิดปากเสียบ้าง
     ตามหลักพระพุทธศาสนา คนเราบางคราวแม้ไม่ใบ้ก็ทำเหมือนเป็นใบ้เสียบ้าง แม้ไม่หนวกก็ทำเหมือนหนวกเสียบ้าง แม้ไม่บอดก็ทำเป็นบอดเสียบ้าง ถ้าทำเป็นคนรู้เห็นไปหมดแล้ว ก็เท่ากับไปแส่หาความทุกข์ไม่หยุดหย่อนนั่นเอง

                                                                                                              ขอเจริญพร