ประจวบคีรีขันธ์-ผอ.คุมประพฤติประจวบ ยอมรับหวั่นใจ พรบ.พักการลงโทษฉบับใหม่
ภาพ/ข่าว: เอกภพ (ณัฐพัชญ์) วงษ์ประเสริฐ
ผอ.คุมประพฤติประจวบ ยอมรับหวั่นใจ พรบ.พักการลงโทษฉบับใหม่ แต่อุ่นใจที่มีอาสาสมัครคุมประพฤติคอยช่วยเหลืองาน ฝากข้อความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคุมประพฤติ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่สำนักงานส่งไปสอดส่องดูแลผู้ถูกคุม
วันที่ 30 มกราคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ทั้ง 8 อำเภอ ประกอบไปด้วย อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน และอำเภอบางสะพานน้อย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 27 มกราคม 66 ที่ผ่านมา โดยมี นางสาวภาวนา ธนคุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในการประชุม ณ ห้องประชุมขายทอดตลาด สำนักงานบังคับคดีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมคุมประพฤติ รวมไปถึงการหารือแผนปฏิบัติงานของอาสาสมัครคุมประพฤติประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และ พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 ซึ่งได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจอบอุ่นใจในการใช้ชีวิตของประชาชนในสังคม นอกจากนี้ยังได้คัดเลือกประธานอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นมาบริหารงานต่างๆของอาสาสมัครคุมประพฤติที่ได้รับมอบหมายจากกรมคุมประพฤติ และสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำหรับผู้ที่ได้คัดเลือก คือ นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานอาสาสมัครคุมประพฤติ ต่อจากวาระเดิมต่อไปอีก 1 วาระ
ด้าน นางสาวภาวนา ธนคุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า โดยส่วนตัวตนเองรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้างเกี่ยวกับพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในฐานความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็อุ่นใจที่มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคุมประพฤติซึ่งเป็นจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลืองาน อีกทั้งยังได้เตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และทำ MOU ร่วมบูรณาการการทำงานกับภาคีเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 6 หน่วยงาน อาทิ กรมคุมประพฤติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย จะมาร่วมปฏิบัติงานตามภารกิจ ภายใต้กฎหมายที่กำหนดของ พรบ.ฉบับใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้สังคมรู้สึกมีความปลอดภัยจากอาชญากร จึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง จึงฝากข้อความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคุมประพฤติที่ทางสำนักงานส่งไปปฏิบัติงาน เพื่อร่วมกันดูแลเฝ้าระวังผู้ถูกคุมประพฤติหรือผู้ที่ถูกพักการลงโทษจากคำสั่งศาลให้คนในสังคมมีความรู้สึกปลอดภัย และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข นางสาวภาวนา กล่าว.
