ประจวบคีรีขันธ์-ผู้ว่าฯปลื้ม”ไม้กวาดทางมะพร้าว” สามร้อยยอด สร้างรายได้ดีให้ชุมชน

ภาพ-ข่าว:กูลเสวก เสวกวรรณกร

              เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน “กลุ่มไม้กวาดบ้านพุใหญ่” ที่บ้านพุใหญ่ เลขที่ 205 หมู่ที่ 3 ต.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด แหล่งผลิตไม้กวาดทางมะพร้าวจากภูมิปัญญาไทย มี 2 ชนิด แบบเป็นกำ และแบบมีด้าม (ไม้กวาดเทศกิจ) มี 3 ขนาด เริ่มผลิตขายมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน 20 ปีแล้ว เริ่มทำขายเองภายในหมู่บ้าน แต่ด้วยคุณภาพของสินค้าที่มีความคงทน แข็งแรง จนเป็นที่เชื่อมั่นของลูกค้า และสามารถผลิตไม้กวาดส่งขายไปได้ทั่วประเทศ และยังส่งออกไปขายประเทศอีกด้วย สร้างรายได้ให้สมาชิกได้เป็นกอบเป็นกำ
             นางบังอร กำปั่นวงษ์ อายุ 52 ปี ประธานกลุ่มไม้กวาดบ้านพุใหญ่ เล่าว่า ก่อนหน้านั้นจะมีคนจากจังหวัดปราจีนบุรีมารับซื้อก้านมะพร้าวของเราเพื่อนำไปทำไม้กวาด เพราะใน ต.สามร้อยยอด ส่วนใหญ่จะเป็นต้นมะพร้าว เราก็เลยมานั่งคิดว่ามีคนมารับซื้อก้านของเราไปแปรรูปเป็นไม้กวาด แล้วก็ส่งกลับมาขายเรา ทำไมพวกเราถึงไม่ทำเอง จึงได้ไปเรียนรู้กับลุงที่อยู่ในหมู่บ้านที่แกทำไม้กวาดได้ หลังจากนั้นก็มาลองทำดูโดยการชวนพี่ๆน้องๆ มาช่วยกันทำ แล้วก็ลองนำไปขายเฉพาะในหมู่บ้านดู ปรากฏว่าขายดี หลังจากนั้นจึงเริ่มขยายออกนอกพื้นที่ และก็ได้รับผลตอบรับดีมากเช่นกัน พอมาช่วงหลังเราเริ่มทำไม่ทัน เพราะตลาดเริ่มดีขึ้น เราจึงได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นมา
            โดยชักชวนเพื่อนๆในหมู่บ้านให้มาลองทำเป็นอาชีพเสริมกันดู และพอได้มาทำก็ประสบความสำเร็จ โดยกลุ่มเราเริ่มจัดตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 จนถึงทุกวันนี้ก็ 20 ปีแล้ว ก็เลยทำให้เราสามารถตั้งเป็นกลุ่มใหญ่ได้เลย โดยเริ่มขายจากภายในจังหวัดก่อน และก็เริ่มขยายออกต่างจังหวัด ซึ่งก็มีหลายๆจังหวัดก็เริ่มมารับของเรา จึงทำให้เรามีตลาดเพิ่มขึ้นทั้งต่างประเทศด้วย ขณะนี้ถือว่ากลุ่มของเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
              นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ได้กล่าวชื่นชมให้กำลังใจสมาชิกของกลุ่ม และยินดีสนับสนุนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้างเพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและขยายผลความสำเร็จไปยังชุมชนอื่นๆ ปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างโอกาส สร้างรายได้ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของชุมชน เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนส่งผลให้สมาชิกในชุมชน รวมถึงผู้สูงอายุมีงานทำและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น