“นิพนธ์”เตือน”เรืองไกร”เป็นผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐ ส่อเจตนาใส่ร้ายป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
"นิพนธ์ ยัน คุณสมบัติครบถ้วน พร้อมแจง กกต.เรียบร้อย"
ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการร้องให้กกต.ตรวจสอบเรื่องการขาดคุณสมบัติของตนว่า เรื่องดังกล่าวนั้น ตนได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการอีก 5 ท่านแล้วเมื่อที่ 4 เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจง กกต.
1. กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งที่ 1524/ 2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 2. เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ข้าพเจ้าได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1314/2565 โดยมีคำร้องขอทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งข้าพเจ้าได้ระบุในคำขอทุเลาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าให้คำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในข้อ 1 มีผลบังคับใช้ต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากแม้ปัจจุบันผู้ฟ้องคดีได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว
3.เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 เรื่อง ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พ้นจากตำแหน่งในวาระการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น อันมีผลเป็นการชะลอหรือระงับการบังคับตามผลของคำสั่งทางปกครองไว้เป็นการชั่วคราวตามข้อ 72 วรรคสาม และข้อ 69 วรรคสอง ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ทั้งนี้ ศาลได้วินิจฉัยถึงเงื่อนไขในการที่ศาลปกครองจะมีอำนาจออกคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของข้าพเจ้า (ผู้ฟ้องคดี)สรุปความได้ว่า เงื่อนไขประการที่หนึ่ง คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในเงื่อนไขประการที่สองว่า คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การที่ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นกรณีที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้ ดังนั้น การให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง
4.การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ทำให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวสิ้นผลลงโดยเหตุอื่น ตามมาตรา 42 วรรคสอง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และมีผลทำให้ข้าพเจ้ามิใช่บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกต่อไป 5.เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 กระทรวงมหาดไทย(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้ทำคำชี้แจงกรณีที่ข้าพเจ้าได้ยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง (ครั้งที่ สาม ต่อศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 1314/2564 รายละเอียดสรุปความได้ว่าการออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาฯ น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายตามแนวคำวินิจฉัยคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 581/2565 จึงยอมรับและไม่คัดค้านคำขอทุเลาตามคำสั่งทางปกครองของข้าพเจ้า จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งคำสั่งของศาลปกครองกลางดังกล่าวมีผลคุ้มครองทันทีจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวนั้น อยู่ในระหว่างการคุ้มครองคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งของกระทรวงมหาดไทย จึงทำให้คุณสมบัติในการสมัครเลือกตั้งนั้นยังมีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และขอยืนยันว่าในการปฏิบัติหน้าที่ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบทุกอย่าง โดยได้อยู่บนพื้นฐานของการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินตามที่ได้เคยชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วและเรื่องนี้ ป.ป.ช. ฟ้องเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นไม่ได้ฟ้องเรื่องทุจริตแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันขอชี้แจงให้ทราบ บริษัทผู้ชนะการประมูลงานและผู้เกี่ยวข้องตอนนี้ถูกออกหมายจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ ศาลอาญาทุจริตฯ ภาค 9 , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเป็นการออกหมายจับแบบไม่มีอายุความอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันผู้ชนะการประมูลหลบหนีอยู่ต่างประเทศ “สำหรับกรณีที่นายเรืองไกร ได้ร้องให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัตินั้น ขอเตือนไปยังคุณเรืองไกรด้วยว่า คุณก็เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ มีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านสื่อ อาจเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสีในช่วงเลือกตั้งเป็นโทษทางอาญา” นายนิพนธ์กล่าว