สมุทรปราการ-จับแล้วโจรแสบย่องเบายกเค้าบ้านหรู ด้านน้าสาวสุดแค้นเข้าตบหน้าสั่น..!!ขณะทำแผน
ภาพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
จากกรณีที่มีผู้เสียหายรายหนึ่งออกมาร้องต่อสื่อมวลชนว่าถูกโจรแสบรายหนึ่งย่องเบาปีนกำแพงโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่ติดกับกำแพงหมู่บ้าน เพื่อเข้าไปลักทรัพย์และเจาะตู้เซฟ กวาดเอาทรัพย์สินไปหลายรายการ โดยเฉพาะนาฬิกาหรูรวมมูลค่ากว่าสองล้านบาท เหตุเกิดเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยคนร้ายอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายเดินทางกลับต่างจังหวัดและไม่มีใครอยู่บ้าน เข้าไปก่อเหตุ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 01.44 น. วันที่ 10 เมษายน 2566
ล่าสุด เมื่อช่วงเที่ยง วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู สมุทรปราการ พร้อมด้วย ฝ่ายสืบสวนของ สภ.บางปู ได้คุมตัว นายณัฏฐ์พล(หรือณัฐ) เตะบู อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่เกิดเหตุภายในบ้านของผู้เสียหาย โดยจุดแรก พาไปชี้ที่กำแพงของโรงเรียน ข้างหมู่บ้าน ที่ผู้ต้องหาปีนข้ามมา ก่อนจะมาปีนรั้วบ้านของผู้เสียหายเข้ามาก่อเหตุ งัดประตูบานเลื่อนกระจกหน้าบ้านแล้วเข้าไปในบ้านที่ชั้นสอง เพื่อสำรวจทรัพย์สินก่อนจะกลับออกไปและหาซื้อตู้เชื่อมเหล็กไฟฟ้า เพื่อย้อนกลับมาเจาะตู้เซฟขโมยทรัพย์สินภายในตู้และในบ้าน แล้วหลบหนีไป โดยใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนจะคุมตัวกลับโรงพักเพื่อเตรียมขอศาลฝากขังผลัดแรก ในระหว่างที่นำผู้ต้องหาออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุเพื่อไปขึ้นรถตำรวจ ปรากฏว่ามี นางสาวรีราวดี ชัยพร อายุ 36 ปี น้าสาวของผู้ต้องหา ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ต้องหา ว่าจำหน้าตนเองได้หรือไม่ว่าเป็นใคร ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าจำได้และทราบดีว่าหญิงคนนี้คือน้าสาวแท้ ๆ ของผู้ต้องหา ทำให้น้าสาว ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ได้ตบเข้าไปที่หน้าของผู้ต้องหาอย่างแรงเสียงดัง จากนั้นตำรวจจึงรีบเข้าห้ามปรามและคุมตัวผู้ต้องหากลับโรงพักทันที
จากการสอบถาม นายณัฏฐ์พล ผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่า ที่ลงมือก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินไปเติมเกมส์พนันออนไลน์ที่ตนเองติดเล่นอยู่ วันเกิดเหตุหลังจากที่ปีนรั้วเข้ามาได้ก็เข้าสำรวจบ้านที่เกิดเหตุทันทีพอรู้ว่ามีตู้เซฟและไม่มีใครอยู่บ้านจึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุได้เอานาฬิกาไปขายที่โรงรับจำนำย่านบางนา แล้วหลบหนีกลับไปที่บ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ด้านนางสาววรีราวดี น้าสาวของผู้ต้องหารายนี้ เปิดใจทั้งน้ำตาบอกว่า ที่ลงมือตบหน้าผู้ต้องหาเพราะมาจากความเจ็บแค้นน้ำใจ เนื่องจากคิดว่าจะกลับตัวหลังจากออกมาจากคุก แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ที่ผ่านมา ตนเองเลี้ยงผู้ต้องหารายนี้มาตั้งแต่แบเบาะ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีเปรียบเสมือนลูกชายอีกคน พอโตมากลับติดเกมส์หนักจนถึงขั้นเล่นพนันเกมส์ออนไลน์ แล้วยังเคยก่อเหตุลักทองคำในบ้านของตนเองไปขายมาเล่นเกมส์ ถึง 12 บาท หลังจากนั้นยังไม่พอเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านพี่ชายอีก จนถูกพี่ชายจับตัวมัดส่งตำรวจ ดำเนินคดีติดคุกหวังดัดนิสัยหลานชาย แต่พอออกจากคุกมาไม่สำนึกผิดกลับมาก่อเหตุที่นี่ซ้ำอีก พอทราบข่าวก็เดินทางมาดูหน้าในครั้งนี้ เพราะผู้เสียหายและตนเองกลับมาทราบทีหลังว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันอำเภอเดียวกันอีก
ขณะที่ นางรวิภัทร ชัยพร 38 ปี ผู้เสียหาย กล่าวขอบคุณตำรวจทั้งน้ำตา ที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ ยอมรับว่าค่อนข้างยากเพราะผู้ต้องหาเอาเซฟเวอร์กล้องวงจรปิดในบ้านไปอีกทั้ง กว่าตนเองจะมารู้ว่าโจรขึ้นบ้านก็หลายวันแล้ว แต่ตำรวจก็ไม่ลดละในความพยายามจนสามารถติดตามไปจับกุมได้ที่บ้านเกิดของผู้ต้องหา ซึ่งก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับที่ตนเองอยู่ คือในอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนแรกเข้าใจว่าอาจเป็นคนในโดยเฉพาะคนใกล้ตัวอย่างแม่บ้าน แต่พอสืบลึก ๆ แล้วแม่บ้านไม่เกี่ยวข้อง ส่วนผู้ต้องหาตนเองก็ไม่เคยรู้จักหรือเคยมาที่บ้านแต่อย่างใด แต่กลับแปลกใจว่ามาถูกบ้านแถมกลายเป็นหมู่บ้านเดียวกันอีก
พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ บอกว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ หลังจากฝ่ายสืบสวนได้หาเบาะแสจนกระทั่งทราบตัวจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการและสืบทราบว่า ผู้ต้องรายนี้ยังมีการโพสต์คลิปลงติ๊กต็ออกใช้ชีวิตอย่างหรูอวดรวยในโลกออนไลน์ จึงประสานฝ่ายสืบสวนของท้องที่เฝ้าติดตามจนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหารายนี้กลับที่บ้านพักจึงเข้าจับกุมตัว ซึ่งในตอนแรกผู้ต้องหาให้การภาคเสธและก็จำนนด้วยหลักฐานคือนาฬิกาแบรนเนมของผู้เสียหาย ซึ่งมีเลขนำเบอร์อยู่ จึงยอมรับว่าก่อเหตุจริง แต่ผู้ต้องหายังคงปากแข็งว่าทำที่อื่นด้วยหรือไม่ และยอมรับแต่หลักฐานที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น ซึ่งจะต้องขยายผลเพิ่มเพราะมั่นใจว่าไม่ได้ลงมือก่อเหตุที่นี่อย่างเดียวยังมีผู้เสียหายอีกสองถึงสามรายที่ถูกก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้