อุบลราชธานี-อนุชา มอบนโยบายการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว ที่อุบลฯ

อุบลราชธานี-อนุชา มอบนโยบายการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว ที่อุบลฯ

อุบลราชธานี-อนุชา มอบนโยบายการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว ที่อุบลฯ

ภาพ/ข่าว: ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดอุบลราชธานี
วันนี้ ( 10 พ.ค. 66 ) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมและมอบนโยบายการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว ณ ห้องประชุมอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประธานเครือข่ายกองทุนหมูบ้านและชุมชนเมืองภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลาง (ผ่านระบบออนไลน์) ร่วมการประชุม
             นายอนุชา นาคาศัย กล่าวว่า รัฐบาลเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงมีแนวคิดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเข้มแข็ง โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ระดับฐานราก ผ่านการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ที่มีความใกล้ชิดประชาชนจากระดับชุมชนจนถึงระดับประเทศ โดยได้ริเริ่มโครงการ “โคล้านครอบครัว” เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างเป็นรูปธรรม โดยการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนสําหรับการกู้ยืมเพื่อการลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และอาจพัฒนาเป็นอาชีพหลักในอนาคต
            นายอนุชา นาคาศัย กล่าวอีกว่า โครงการโคล้านครอบครัว ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 โดยได้อนุมัติวงเงินงบประมาณรวม 5,000 ล้านบาท ดําเนินการภายใต้สินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้การสนับสนุนเงินทุนกู้ยืมแก่สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 100,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 50,000 บาท สำหรับจัดซื้อแม่โค 2 ตัว เพื่อเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้แก่ครัวเรือน สิทธิพิเศษของโครงการนี้ คือ ภาครัฐจะทำการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน (ธ.ก.ส.) ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ต่อปีในส่วนของสมาชิกต้องคืนเงินต้นให้แล้วเสร็จ ภายใน 4 ปี โดยในปีที่ 3 ต้องคืนเงินต้น 50% ของวงเงินที่กู้ยืม และชำระเงินต้นที่เหลือในปีที่ 4 สิ่งที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ การช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นความยากจนได้จริง หากพิจารณาอัตราส่วนของงบประมาณที่สนับสนุนและจำนวนครัวเรือนที่ได้รับโค จะได้จำนวนโครวม 200,000 ตัว ที่เป็นทุนตั้งต้นโครงการ (โค 2 ตัว/ครอบครัว) โคออกลูกทุกปี เมื่อเทียบบัญญัติไตรยางค์ จะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในแต่ละปี จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 ซึ่งหากนับรวมระยะเวลา 10 ปี ใน 1 ครัวเรือน จะมีโค 288 ตัว ราคาโคตัวละ 25,000 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,200,000 บาท ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกที่สมาชิกกองทุนฯ ได้จับเงินล้านจากการทำอาชีพเสริมนี้ และหากคิดมูลค่ารวมตลอดทั้งโครงการ 100,000 ครอบครัว จะสูงถึง 7.2 แสนล้านบาท ซึ่งทะลุเป้าความคุ้มค่าของโครงการถึง 140 เท่า โครงการโคล้านครอบครัว อาจเป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากความยากจนได้ เพราะการที่เศรษฐกิจประเทศจะเดินหน้า เศรษฐกิจฐานรากต้องมาก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหาความยากจนตั้งแต่ระดับเล็กๆ เริ่มต้นจากครัวเรือน ชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศ นี่อาจเป็นส่วนสำคัญที่พลิกฟื้นให้ประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จากส่วนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงสังคมส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยังคงพี่งพาภาคเกษตรกรรม พึ่งพาเงินจากดิน เงินจากน้ำ และทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถสร้างเม็ดเงินให้แก่ประเทศได้อย่างยั่งยืน
             นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวถึงโครงการ โคล้านครอบครัว จากการเริ่มดำเนินงานที่ผ่านมาในระยะเวลาเพียง 7 เดือน 1,000 กว่าครัวเรือน ได้เห็นถึงความสำเร็จ เป็นไปได้จริง เป็นโครงการที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านได้จริง จึงพร้อมสนับสนุน และขยายผลการดำเนินงานโดยประชุมประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจโครงการ หลักเกณฑ์การดำเนินงาน พร้อมรับปัญหาข้อเสนอแนะ ไปดำเนินการต่อไป
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ โครงการ โคล้านครอบครัว เป็น โคคณิตศาสตร์ สามารถสร้างรายได้ทวีคูณให้กับพี่น้องกองทุนหมู่บ้านได้จริง เปลี่ยนชีวิตได้จริง เปลี่ยนประเทศเราได้จริง เป็นอนาคตของคนไทยลูกหลานไทย เกษตรกรไทย สามารถร่ำรวยได้ ด้วยอาชีพเกษตรกรรม สิ่งที่กองทุนหมู่บ้านกำลังจะทำ จะแปรเปลี่ยนประเทศเป็น ประเทศเกษตรกรรมที่ร่ำรวยได้ ด้วยโครงการ โคล้านครอบครัว

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!