ราชบุรี-สาวราชบุรี แชร์คลิประทึก..!!หนุ่มถูกโซ่ลามคอกระโดดขึ้นหลังคารถ

ภาพ-ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

                จากกรณี สาวราชบุรีโพสต์คลิปผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ช่วงหัวค่ำวันที่ 14 พ.ค.66 สามีของเธอได้ขับรถพาครอบครัวไปทานข้าว ที่บริเวณหน้าตลาดหน้ากำนันยงค์ แต่ขณะจอดรถได้มีหนุ่มคล้ายสติไม่ดี มีโซ่ลามอยู่ที่บริเวณคอ ได้กระโดดขึ้นฝากระโปรงรถ และเดินเหยียบบนหลังคารถจนได้รับความเสียหาย ก่อนชายคนดังกล่าวจะเดินหนีหายไป สร้างความตกใจให้กับเธอและสามีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกๆของเธอที่มีอายุ 4 และ 6 ขวบ ร้องตกใจกลัวจนไม่กล้าขึ้นรถไปไหนด้วยกัน โดยหลังแชร์คลิปดังกล่าวออกไป ต่างมีเพื่อนของเธอเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันต่างๆนาๆถึงความไม่ปลอดภัย เพราะเหตุเกิดในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี
              ล่าสุดวันนี้ ( 15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.พิมพ์พรรณ ตาดไทยสงค์ อายุ 40 ปี เจ้าของคลิปและได้เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค.เวลาประมาณ 19.40 น. เธอและครอบครัวกำลังขับรถยนต์เก๋งไปหาอะไรทาน จนมาถึงบริเวณหน้าตลาดกำนันยงค์ ซึ่งขณะสามีของเธอจอดรถเข้าข้างทาง เห็นผู้ชายคล้ายสติไม่ดี อายุประมาณ 25 ปี ใส่หมวกและมีโซ่ลามอยู่ที่บริเวณคอ เดินมาที่บริเวณหน้ารถของเธอ ก่อนจะจ้องเข้ามาในรถและกระโดดขึ้นฝากระโปรง และเดินเหยียบหลังคาลงไปข้างหลังรถของเธออย่างสบายใจ ซึ่งตอนนั้นเธอและครอบครัวรู้สึกตกใจและกลัวมาก โดยเฉพาะลูกชายอายุ 6 ขวบ และลูกสาวอายุ 4 ขวบของเธอตกใจจนร้องไห้ เธอจึงรีบล๊อครถและนั่งอยู่ในรถรอจนชายคนดังกล่าวเดินหนีไป จึงเปิดประตูลงไปสำรวจความเสียหาย และขับรถออกจากที่เกิดเหตุทันที ก่อนแจ้งเพื่อนที่เป็นจนท.ตำรวจให้มาตรวจสอบ และเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองราชบุรี ก่อนประสานจนท.ประกันเพื่อเคลมประกันค่าซ่อมรถให้กับเธอ
               น.ส.พิมพ์พรรณ เล่าอีกว่า จากข้อมูลชายคนดังกล่าวเป็นชายสติไม่ดี และถูกแม่ของเขาลามโซ่ขังไว้เพื่อไม่ให้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน แต่เขาก็หนีออกมาและสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ชายคนดังกล่าว เคยแก้ผ้าเข้าไปก่อนเหตุภายในร้านสะดวกซื้อและร้านขายดอกไม้ จนจนท.ตำรวจได้เข้าจับกุมไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ โชคดีที่ครอบครัวเธอและลูกๆของเธอไม่ได้รับอันตราย เธอจึงอยากฝากเตือนทุกคน เวลาออกไปไหนมาไหนให้ระวัง เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นคนสติไม่ดี เพราะถ้าเจอเข้ากับตัว อาจจะไม่โชคดีเหมือนครอบครัวเธอก็ได้ พร้อมอยากฝากถึงหน่วยงานรับผิดชอบและแม่ของชายคนดังกล่าว ให้คอยดูแลเขาให้ดียิ่งกว่านี้ เพื่อไม่ให้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับใครอีก