ตาก-อ.พบพระ ชาวไร่ยิ้มใด้ ลุ้ยราคา ขยับขึ้น สูงถึง กก. 7 บาท เร่งตัดส่ง พ่อค้าซื้อถึงไร่

ตาก-อ.พบพระ ชาวไร่ยิ้มใด้ ลุ้ยราคา ขยับขึ้น สูงถึง กก. 7 บาท เร่งตัดส่ง พ่อค้าซื้อถึงไร่

ตาก-อ.พบพระ ชาวไร่ยิ้มใด้ ลุ้ยราคา ขยับขึ้น สูงถึง กก. 7 บาท เร่งตัดส่ง พ่อค้าซื้อถึงไร่

ภาพ/ข่าว:ชวลิต วิกุลชัยกิจ

ผู้สื่อข่าว รายงานจากพื้นที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก  ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นฤดูฝน และ เป็นช่วงนักเรียนเปิดภาคเรียน ทั่วประเทศไทย  เป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูแล้งเข้าฤดูฝน พืชผัก บางชนิด ของพี่น้องเกษตรกร เริ่มราคาดีขึ้น ผักที่พี่น้องเกษตรกรตัดขาย ณ.วันนี้  เกษตรกร เริ่มเพาะปลูกปลูกช่วงฤดูแล้งใช้น้ำรดอย่างสม่ำเสมอ มีพื้นที่ ทำการเพาะปลูก มีอย่างจำกัด เนื่องจากแหล่งน้ำไม่เพียงพอ สำหรับทำการเกษตร  วันนี้เกษตรกรผู้ปลูกลุ้ย หรือ ชาวบ้านพื้นราบบางพื้นที่อาจจะเรียกว่าผักกาดขาวปี  เกษตรกรสุดปัง ดีใจในรอบปี ที่ปลูกลุ้ยใด้ราคา
         น้องยี่ หรือ คุณกัญญา แช่ว่าง อายุ 31 ปี  บ้านเลขที่4/121 บ้านเจริญมิตร (บ้าน4)หมู่ที่8 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก  ตนเองปลูกลุ้ย ในเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน โดยปลูก ในช่วง เทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา โดยใช้รดน้ำด้วยหัวสปริงเกอร์ จากเครื่องยนต์ปั่นน้ำ จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เดิมทีอยากปลูกหลายไร่ แต่แหล่งน้ำไม่เพียงพอ และค่าน้ำมัน แพง ค่าปุ๋ยค่ายาราคาสูงแพงมาก  ต้นเองมีทุน แม่กำลังที่จะทำใด้ เพียงแค่ 5 ไร่  ใช้เวลาปลูกจนถึงตัด ประมาณ 40 กว่าวัน โดยรดน้ำสม่ำเสมอ ทุกวัน  ใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง รองพื้น 1 ครั้ง และบนดิน 2 ครั้ง ปุ๋ยก็ราคาแพง ย่าฆ่าแมลงก็แพง รดน้ำทุกวันสม่ำเสมอค่าน้ำมัน ที่ใช้ เครื่องรดน้ำ ตกน้ำมันวันละ10ลิตร  ตัวเองดีใจ ปลูกลุ้ยใด้ราคา 7บาท ราคาในไร่ ตนเองเร่งตัดส่งพ่อค้า เพราะว่าเห็นราคาดี ที่ผ่านมาที่เคยปลูก และตัดขาย ได้ขายลุ้ยในราคากิโลกรัมละ 2-3 บาทเอง  ยอมรับว่าดีใจมาก  แต่ก็อยากฝากในงานที่เกี่ยวข้อง ให้ปุ๋ย และยา ราคา ลดลงมากกว่านี้  ปุ๋ยยาราคาแพง ถ้าผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้อง ราคาถูก ชาวบ้านจะขาดทุน  และฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกเรื่องหนึ่งคือ หาแหล่งน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอ  คุณกัญญา กล่าว
        เฮียมิตร กม 44 ตำบลคีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก  กล่าวว่า ตนเองมาเป็นคนรับซื้อ ลุ้ยของ คุณกัญญา นำไป ส่งขายต่อให้กับพ่อค้าต่างจังหวัด  โดยวันนี้รับซื้อกิโลละ 7 บาท ราคาขึ้นอยู่กับ บางวัน ซื้อแต่ละวันขึ้นตามขึ้นลงตามลง สภาพลุย แปลงนี้ สภาพสวยงาม หัวใหญ่ น้ำหนักต่อหัว หัวละประมาณ 1 กิโล ไม่มีหนอนสภาพลุยสวยงามมาก เจ้าของดูแลดี คาดว่า 1 ไร่ได้น้ำหนักลุ้ย ประมาณ 7,000 – 8,000 กิโลกรัม หรือ ไร่ละ 7-8 ตัน

เฮียมิตร บอกว่าเองเป็นพ่อค้าเล็กๆ พึ่งเริ่มต้น รับซื้อลุ้ยและส่งต่อให้พ่อค้าต่างจังหวัด วันหนึ่งต้องมีผักส่ง ให้พ่อค้าปลายทาง ประมาณกว่า 1,000 กิโลกรัม หรือ กว่า 1 ตันตามที่พ่อค้า ตามที่มีออเดอร์ รับซื้อดังกล่าว จังหวัดที่ไปส่ง มีกรุงเทพมหานครพิษณุโลก ภาคอีสาน  แล้วแต่มีออเดอร์ที่ไหน เราก็ไปส่งที่นั่น นอกจาก ซื้อลุยแล้วเรายังซื้อ กะหล่ำปลีอีกด้วย  ทางด้านการขนส่ง ต้องควบคุมในการตัด ผัก และลำเลียงผัก ถ้าตัด และลำเลียง ในรถไม่ดี ผักจะเสียหาย และ จะถูกตัดราคา จากพ่อค้าปลายทาง พร้อมทั้งต้องรีบส่งตามเวลา พ่อค้ากำหนด ต้องพิถีพิถัน ในการตัด ผักลุ้ย และ ขนส่งทันตามเวลา  บางครั้งซื้อไปก็ขาดทุนบางครั้งก็กำไรอยู่ที่ตลาดปลายทางแต่ละวัน  เอาของไม่ดีส่งไปให้พ่อค้าปลายทางเขาก็ตัดราคา ถ้าเราได้ผักที่เราตัด มีคุณภาพดี ก็จะมีราคา  เราจึงซื้อราคาแต่ละวันไม่เหมือนกัน ขึ้นลงตามราคาปลายทาง ถ้าราคาพอไปได้ เราก็ซื้อได้ แถวไร่อยู่ได้เราก็อยู่ได้ เพราะตนเองเป็นชาวไร่มาก่อนรู้ดีว่า ชีวิตชาวไร่เป็นอย่างไร เฮียมิตร กล่าว
         ช่วงต้นฤดูฝน ผักราคาขยับขึ้น ปัจจัยหลายอย่าง เช่นช่วงระยะเวลาเกษตรกรเพราะปลูกเป็นช่วงฤดูแล้งแหล่งน้ำไม่เพียงพอ อากาศไม่เหมาะสม การทำก็ยุ่งยาก สภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ผักขาดตลาด และเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง เป็นช่วง โรงเรียนเปิดเทอม ความต้องการผักอาจจะสูง เป็นจังหวะของเกษตรกร แต่ยอมรับว่า เป็นการเสี่ยงการขาดทุนของ ปลูกพักช่วงฤดูนี้เนื่องจากปุ๋ยยาราคาแพง น้ำไม่เพียงพอ ยังมาเจอปัจจัยสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน  ถ้าผลผลิตออกมาดี และราคาดีเกษตรกรก็ยิ้มได้  สิ่งสำคัญ เกษตรกรและหลายพื้นที่ฝากถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดต้นทุนปุ๋ยยาที่ราคาสูงเกินไป และหาแหล่งน้ำ ให้เพียงพอ กับความต้องการของพี่น้องประชาชน

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!