ปราจีนบุรี-(คืบหน้า)เจ้าอาวาสผูกคอมรณภาพในกุฏิ
ภาพ-ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ 9 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้าจากกรณีพระครูศุภชัย สุชาโต อายุ 76 ปี 24 พรรษา เจ้าอาวาสวัดหนองคล้า ใช้สบงมัดกับขอบประตูห้องน้ำผูกคอเสียชีวิตอยู่ภายในกุฏิวัดหนองคล้า หมู่ที่ 7 ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีพระประคอง ชะยะธัมโม พระลูกวัดที่เป็นคนตัดประตูเหล็กเข้ามาภายในกุฏิ เข้ามาพบศพ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากได้มาเรียกเจ้าอาวาส แต่ประตูกระจกด้านนอกถูกล็อคด้านใน ส่งเสียงเรียกไม่มีเสียงตอบรับ จึงใช้หินเจียรตัดเหล็กตัดรูกุญแจด้านนอกออกแล้วเปิดประตูเข้ามาส่งเสียงเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ พบเจ้าอาวาสใช้สบงมัดกับขอบประตูห้องน้ำผูกคอตัวเองเมื่อตั้งสติได้จึงแก้มัดคอออกแล้วนำล่างมานอนไว้ที่พื้นและปั๊มหัวใจแต่ไม่ตอบสนอง จึงส่งเสียงร้องให้พระรับทราบและโทรแจ้งยอดและแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ สาเหตุการผูกคอเสียชีวิตในครั้งนี้คาดว่าเจ้าอาวาสน่าจะเครียด ที่ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านรวมตัวกันขับไล่ไม่ให้อยู่ที่วัดนี้ โดยพระครูบอกว่าจะไม่ไปไหน จะขออยู่ที่วัดนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าท่านจะผูกคอตัวเองจนมรณภาพหลังเกิดเหตุ ซึ่งทางญาติโยมต่างอโหสิกรรม และช่วยกันเก็บกวาดศาลาเพื่อที่จะประกอบพิธีรดน้ำศพในวันนี้ ตามรายละเอียดที่นำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ แล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ญาติโยมได้นำศพมาตั้งรอรดน้ำศพ – บำเพ็ญกุศลที่ศาลาธรรมสังเวชวัดหนองคล้า เพียงรอบุตรสาวของพระครูศุภชัย ที่เดินทางมาให้รายละเอียด- ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน อ.กบินท์บุรี จ.ปราจีนบุรี ในการยืนยันไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตใด ๆ เพราะหากติดใจทางพนักงานสอบสวน จะต้องส่งศพชันสูตรต่อที่สถาบันนิติเวช
พ.ต.อ.วิวัฒน์ พิสิฐศักดิ์ ผกก.วังตะเคียน กล่าวว่า จากรายละเอียดก่อนที่ พระครูศุภชัย สุชาโต อายุ 76 ปี 24 พรรษา เจ้าอาวาสวัดหนองคล้า ใช้สบงมัดกับขอบประตูห้องน้ำผูกคอเสียชีวิต นั้น ได้มีกลุ่มชาวบ้านสงสัย – เคลือบแคลง ไม่อยากให้อยู่ปมบริหารจัดการวัด ได้ขอให้ทางคณะสงฆ์มีการตั้งกรรการสอบ อาจเป็นปมสาเหตุการเครียดจนเจ้าอาวาสผูกคอตัวเองมรณภาพดังกล่าว การชันสูตรพลิกศพ ไม่พบบาดแผล หรือ ร่องรอย การถกทำร้ายใด ๆ และ ทางญาติ ๆ ยืนยันไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตใด ๆ พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าว
ด้านนายอุทัย บุญช้อย อดีตมักคทายกวัดหนองคล้า กล่าวว่า ทางชาวบ้านอยากให้ความถูกต้องเป็นหลัก เสียใจกับการจากไปของเจ้าอาวาสแบบที่ไม่สมบูรณ์ โดยก่อนหน้านั้นทางชาวบ้านต้องการให้คลายข้อสงสัยเรื่อง เงิน ซึ่งไม่น่าจากพวกเราชาวบ้านไปแบบนี้ ยอมรับว่าท่านป่วยต้องฉันท์ยาหลังอาหาร 3 เวลา ท่านจากไปโดยไม่กล่าวไม่ลา ท่านอยู่กับวัดมานานกว่า 24 ปี โดยทางญาติและกรรมการวัดได้กำหนดตั้งศพบำเพ็ญกุศลรวม 3 วัน นายอุทัย กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้าเกิดเหตุนั้น เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.66 นายบรรดิษฐ์ แก้วเคน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 เป็นตัวแทนชาวบ้าน ทำหนังสือถึงเจ้าคณะตำบลขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ พระอธิการศุภชัย สุชาโต เจ้าอาวาสวัดหนองคล้า เนื่องด้วยผู้ใหญ่บ้านได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหนองคล้าซึ่งมาทำบุญที่วัดหนองคล้า ต.วังตะเคียน ทางคณะสงฆ์ในเขตปกครองของเจ้าคณะตำบลหนองกี่เขต 2 ถึงพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งไม่เหมาะสมของเจ้าอาวาสวัดหนองคล้า ทำให้ชาวบ้านเสื่อมศรัทธาและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาได้ จึงได้ให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวแทนการร้องเรียนซึ่งมีมูลเหตุในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1.ยืมเงินจากนายไพโรจน์ ลิ้มแก้ว เป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท โดยไม่มีความสามารถจะคืนเงินจำนวนดังกล่าวได้ใช้เสียงส่วนน้อยในการกู้ยืม ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้ จึงเป็นการสร้างความแตกแยก ก่อให้เกิดวิกฤตศรัทธาด้วยคำพูดที่ว่า “วัดเป็นหนี้ อาตมาไม่ได้เป็นหนี้” 2.ขาดการสงเคราะห์มีอคติไม่ไปกิจนิมนต์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ก่อให้ศรัทธาชาวบ้านตกและทำให้งานไม่มีพระสงฆ์ทำให้ผู้จัดงานเสียหน้าและสะเทือนใจ จนเป็นปมเหตุวิกฤตศรัทธาพระกับชาวบ้าน 3.ดำเนินการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆภายในวัดโดยไม่เคยปรึกษาและชี้แจงให้คณะกรรมการและชาวบ้านได้รับทราบ 4.ปลดคณะกรรมการวัดที่ไม่เห็นด้วยกับตนออก และห้ามไม่ให้เข้าวัด 5.ต้องการที่จะบริหารเงินวัดโดยลำพังผู้เดียว 6.เบิกเงินวัดโดยไม่ไม่มีการปรึกษาคณะกรรมการ
7.เปิดเครื่องเสียงเปิดเพลงเสียงดัง (ไม่เคยเปิดธรรมะ) ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ชาวบ้านและเนื้อหาเสียดสีชาวบ้านด้วย
8.ข่มขู่ชาวบ้านตั้งตนเป็นปรปักษ์กับชาวบ้านโดยแจ้งความจับชาวบ้านที่มีความเห็นต่างจากตน 9.ปิดรูปภายนอกไม่รับโทรศัพท์คนอื่น ตัดขาดจากวัดอื่นส่งผลให้การบริหารงานติดขัด ขาดการประชุมคณะสงฆ์เป็นต้น ส่งผลเสียให้การแยกตำบลเขตการปกครองสงฆ์ต้องตกไปที่เขตอื่น (ถ้าเจ้าอาวาสเข้าประชุมก็ยังมีโอกาสคัดค้านบ้าง)ทจึงสร้างความสะเทือนใจและส่งถึงความบกพร่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าอาวาส 10.เจ้าอาวาสเป็นบุคคลสาธารณะแต่ท่านกลับมีโลกส่วนตัวสูงอยู่แต่ในกุฏิมิดชิด เปิดแอร์ 24 ชั่วโมงไม่ออกมาทำกิจวัตรเยี่ยงพระสงฆ์ที่ควรเป็น 11.สรุปท่านเป็นพระที่มีอคติไม่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของชาวบ้านไม่มีจิตที่เป็นกลาง ช่างตุ่นอยู่บนฑิฐิติมานะ ทรยศต่อศรัทธาของชาวบ้าน คอยอ้างแต่อำนาจและกฎหมาย สร้างความแตกแยกไม่สร้างความสงบสุขร่มเย็นไม่เป็นที่พึ่ง แต่ตรงข้ามคือสร้างปัญหาความแตกแยกมายาวนานกว่า 10 ปี ในการนี้จึงขอความเมตตาจากท่านเจ้าคณะตำบลได้ตรวจสอบให้ได้ความกระจ่างและเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และก่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนสืบไป