ประจวบคีรีขันธ์-จเรตำรวจสั่งสอบวินัย พงส.”สั่งไม่ฟ้อง”นักการเมืองหิ้วเบียร์แจกหัวคะแนน
ภาพ/ข่าว: เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
วันที่ 17 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นประจวบฯยื่นหนังสือร้องจเรตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของนายตำรวจท่านหนึ่งในตำแหน่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ หลังมีคำสั่ง”ไม่ฟ้องคดี” กรณีชาวบ้านอัดคลิปวีดีโอนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง หิ้วเบียร์ยกลังไปแจกในกลุ่มชาวบ้านหวังขอคะแนนเสียงให้ช่วยลงคะแนนผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.ประจวบฯ ซึ่งเป็นญาติตนเองเหตุเกิดช่วงกลางดึกของวันที่ 14 เม.ย.66 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดวันที่ 16 มิ.ย.66 คณะกรรมการจากกองตรวจราชการ 7 สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ โดยมี พ.ต.อ.นิพนธ์ จันทร์สุมาวงศ์ ผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนกองตรวจราชการ 7 สำนักงานจเรตำรวจพร้อมคณะลงพื้นที่ สภ.เมืองประจวบฯเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังเว็บไซต์ กกต.ประกาศแขวนผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตจังหวัดประจวบฯ เขต 1 เนื่องจากมีเรื่องร้องคัดค้านจึงยังไม่เสนอประกาศผลรับรอง ขณะที่ผลรายชื่อ 71 ว่าที่ ส.ส.ถูกแขวนมากสุดคือ”พรรคภูมใจไทย”21 คน “พรรคเพื่อไทย”20 คน”พรรคพลังประชารัฐ”14 คน”และพรรคก้าวไกล”7 คน
พ.ต.อ.นิพนธ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้มีคำสั่งจากกองตรวจราชการ 7 ที่ 26/2566 ให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลัง จ.อ.เสกสรรค์ จันทร กลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นประจวบฯเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ต.หาดขาม อ.กุยบุรี เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการสรุปสำนวนการสอบสวนในคดีนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง หิ้วเบียร์ยกลังแจกชาวบ้านระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งโดยมีความเห็น”สั่งไม่ฟ้อง”คดี ทั้งนี้ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เชิญผู้ร้องเรียน พร้อมพยานบุคคลในที่เกิดเหตุเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมพร้อมหลักฐานจากคลิปวีดีโอเต็มขณะเกิดเหตุ เพื่อนำพิจารณาหลักเกณฑ์ทางวินัยและวิธีการในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชา หากสอบสวนแล้วว่ามีมูลความผิดทางวินัยตามร้องจริง จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการระดับสูงให้พิจารณาดำเนินการ และหากพบว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนเชื่อว่ามีส่วนได้เสียโดยให้การช่วยเหลือนักการเมืองท้องถิ่นคนดังกล่าวให้พ้นผิดตามประมวลกฎหมายเลือกตั้งจริง อาจถูกวินัยร้ายแรงถึงขั้นให้ออกราชการไว้ก่อน พ.ต.อ.นิพนธ์กล่าว
จ.อ.เสกสรรค์ กล่าวว่า หลังได้รับหนังสือแจ้งความคืบหน้าคดีร้องทุกข์จาก สภ.บ้านยางชุม ทราบว่าพนักงานสอบสวนสั่ง”ไม่ฟ้องคดี”โดยอ้างว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอนั้น ไม่เกิดความเป็นธรรมแก่ตน และเห็นว่าพนักงานสอบสวนมีเจตนาให้ความช่วยเหลือรูปคดีที่อาจมีผลความผิดในทางกฎหมายกับนักการเมืองคนดังกล่าว เพื่อให้พ้นผิดตามประมวลกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งตาม มาตรา 73( 1) และ มาตรา 78 หลังจากเป็นผู้สรุปสำนวนการสอบสวนนำส่งอัยการจังหวัดฯพิจารณา โดยมิได้ออกหมายเรียกให้ผู้ถูกฟ้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และมีพฤติการณ์ประวิงเวลาให้คดีเกิดความล่าช้า
นายชัยสิทธ์ ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมายภาคประชาชน กล่าวว่า คดีนี้หลังจากพยานนำคลิปวีดีโอมอบให้กลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นประจวบฯดำเนินการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองประจวบฯ ก่อนนำส่ง สภ.บ้านยางชุม ให้ดำเนินการต่อและตนได้มีส่วนร่วมเข้ารับฟังการสอบปากคำของพนัก งานสอบสวนในคดีดังกล่าว หลังตนสอบถามขั้นตอนปฏิบัติในการเรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้าให้ปากคำ แต่ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ทั้งยังมีพฤติการณ์ขณะสอบปากคำพนักงานสอบสวนพยายามใช้ถ้อยคำข่มขู่พยานให้ตอบคำถามชี้นำ ตนเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำไม่เหมาะสมกับการให้บริการประชาชน ซึ่งก่อนหน้ามีการออกหมายเรียกพยานที่เกิดเหตุเจ้าของคลิปวีดีโอพร้อมผู้ร้องเข้าให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่ดำเนินการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ และยังสรุปสำนวนสอบสวน”สั่งไม่ฟ้อง”ส่งให้อัยการจังหวัดฯพิจารณาตามสั่ง ตนจึงดำเนินการยื่นคัดค้านไปยังอัยการจังหวัดในคดีดังกล่าว และเห็นว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนอาจเป็นการระเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพื่อให้คดีมีความสุจริตและเที่ยงธรรมจึง ขอให้กรรมการจเรตำรวจดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่รูปคดี พร้อมให้ดำเนินการสอบวินัยการปฏิบัติหน้าที่กับพนักงานสอบสวนในการต่อไป นายชัยสิทธิ์กล่าว