ศรีสะเกษ-ผอ.ร.ร.สุดทนแจ้งจับครูสาวโพสต์ข้อความโจมตีใส่ร้าย ร.ร.

ศรีสะเกษ-ผอ.ร.ร.สุดทนแจ้งจับครูสาวโพสต์ข้อความโจมตีใส่ร้าย ร.ร.

ภาพ-ข่าว:ศิริเกษ หมายสุข

              กรณีครูแตะแขนเด็ก น.ร.หญิง ป.5 ทั้งที่้มีการดำเนินการทางวินัยตามระเบียบของทางราชการแล้ว ขณะที่ครูทั้ง ร.ร.ลงชื่อร้องเรียนให้ ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 สั่งย้ายครูสาวต้นเหตุสร้างความวุ่นวายไปอยู่ที่อื่น
             เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม ร.ร.แห่งหนึ่งในเขต อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นาย ศิริ ผอ.ร.ร.แห่งหนึ่งพร้อมด้วยคณะครู ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยมี รอง ผอ.ร.ร.คณะครูใน ร.ร.มาร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย ซึ่งนายศิริ กล่าวว่า จากกรณีที่ นาย ญ. (นามสมมุติ) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน นาย ช. (นามสมมุติ) ข้าราชการครู ร.ร.แห่งหนึ่ง กรณีกระทำอนาจาร น.ร.ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ไปยัง สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 และทาง ร.ร.ได้ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำอีกโดย 1.ทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือนเป็นเอกสารหลักฐาน 2. มีการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับพอใช้ โดยได้ 2.00 % 3. ย้ายไปสอนที่สายชั้นมัธยมศึกษาตามคำสั่งโรงเรียนที่ 61/2565 เรื่องการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษาไปสอนสายชั้นมัธยมศึกษา สั่ง ณ วันที่ 12ก.ย. 2565
              แต่เนื่องจาก นาย ช. เคยสร้างชื่อเสียงให้ ร.ร.และเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก จึงได้พิจารณาลงโทษตามที่สมควรแก่เหตุ และได้ลงในสมุดหมายเหตุรายวันไว้เบื้องต้น และในวันที่ 13 ก.ย.2565 นาย ช. ได้สำนึกผิดในพฤติกรรมการกระทำของตนที่ไม่เจตนา และได้ไปแสดงการขอโทษกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่มีผู้ใดมีความประสงค์ให้ลงโทษทางวินัย ทางแพ่ง หรือทางอาญาใดๆ และจากการกระทำดังกล่าวทำให้ นาย ช. ได้ไปปฏิบัติงานราชการที่ สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 ตามคำสั่งที่ ศธ 04138/2024 ลว. 29 พ.ค.66 และต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2566 นาย ช. ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยปฏิบัติราชการที่ ร.ร.แห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองศรีสะเกษ ซึ่งทาง ร.ร.ได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายและจะรายงานผลการสืบข้อเท็จจริงให้ สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 ทราบต่อไป
             นายศิริ ผอ.ร.ร.แห่งหนึ่ง กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากว่าในระหว่างการดำเนินการมีข้าราชการครูคนหนึ่งคือ นาง พ. (นามสมมุติ) เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นาย ญ. (ผู้ร้องเรียน) และเป็นครูที่ ร.ร.แห่งหนึ่งของ อ.กันทรารมย์ ได้ร่วมมือกับ นาย ส. (นามสมมุติ) ได้มีพฤติกรรมที่กระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่ข้อมูลในเฟซบุ๊ค ซึ่งข้อมูลคลาดเคลื่อนบิดเบือนจากความเป็นจริง ในลักษณะว่า ตนอุ้มครู ช. ผู้ถูกกล่าวหาว่า ได้กระทำอนาจารกับเด็ก น.ร. ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว คณะผู้บริหารของ ร.ร.ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวไปตามอำนาจหน้าที่และตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด อีกทั้งโพสต์ข้อความคุกคาม ข่มขู่ ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ได้พิมพ์ข้อความข่มขู่เพื่อนร่วมงานและใช้อิทธิพลของพรรคพวก ตลอดจนใช้วาจาไม่สุภาพกับผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา ทำให้พวกตนได้รับความเสียหาย ดังนั้น ตนจึงได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนาง พ. นาย ญ. และ นาย ส. ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สภ.กันทรารมย์ ลำดับที่ 7 ลว.20 มิ.ย.2566 เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดแล้ว
               นาย ศิริ ผอ.ร.ร.แห่งหนึ่ง ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้แล้ว นาง พ.ยังได้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มในสถานศึกษาในเวลาราชการ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการกระทำดังกล่าวข้างต้นของ นาง พ. ทำให้ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษามีความ วิตกกังวล หวาดกลัว และเกรงความไม่ปลอดภัย สร้างความแตกแยก ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงโรงเรียน ซึ่งผลของการกระทำดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า นาง พ. กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องหลายมาตราด้วยกัน ดังนั้น ตนและคณะผู้บริหาร ร.ร. ครู และบุคลากรทางการศึกษา จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อ ผอ. สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 เพื่อขอให้ดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงกับ นาง พ. และขอให้ย้าย นาง พ.ออกจาก ร.ร. ซึ่งตนและบุคลากรทางการศึกษาใน ร.ร. ได้ร่วมกันลงชื่อในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวนี้เพื่อขอให้ ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 พิจารณาดำเนินการโดยด่วนต่อไป

           นายศิริ ผอ.ร.ร.แห่งหนึ่ง กล่าวด้วยว่า การดำเนินการทางวินัยกับ นาย ช.เป็นไปตามระเบียบกฎหมายของทางราชการทุกประการ ซึ่งการที่ นาย ช.ไปแตะแขนของเด็ก น.ร.หญิงชั้น ป.5 นั้น จากการสอบสวนแล้ว เป็นการเตือนให้ น.ร.เร่งทำการบ้าน ส่วนที่มีการส่งข้อความคุยกันที่อาจจะส่อไปในทางชู้สาวนั้น ไม่ใช่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก น.ร.หญิง ซึ่งเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด ดังนั้น ตนจึงได้มีการดำเนินการทางวินัยราชการกับ นาย ช.ตามเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!