นครปฐม-ชมถ่ายทอดสดพิธีเปิดการรณรงค์“ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง”
ภาพ-ข่าว:อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ห้องประชุมชั้น 2 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี จักรกฤษ ศรีสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน ร่วมประชุมและรับฟังการถ่ายทอดสดพิธีเปิดการรณรงค์ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดการรณรงค์ “ผนึกกำลังร่วมใจต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง”
โดยถ่ายทอดสัญญาณ ณ ท้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. โคยมี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมทั้งได้เชิญผู้แทนภาครัฐและเอกชนที่เป็นพันธมิตร ร่วมกันสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมารณรงค์ร่วมกัน เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมในการต่อต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมากขึ้น
กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจเพื่อสังคม ร่วมกับสำนักตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันผลักดันกฎหมาย พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้มีมาตรการทางกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ คุ้มครองประชาชนอย่างเร่งด่วน แก้ไขปัญหาบัญชีม้า สินทรัพย์ดิจิทัล เหรียญคริปโต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
สำหรับสาระสำคัญของ พรก.ฉบับนี้คือ ผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ใดก็ได้ / บช.สอท./ทางอิเล็กทรอนิกส์/และให้พนักงานสอบสวนที่รับคำร้องทุกข์ หรือผู้ที่ ผบ.ตร.มอบหมายให้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าความผิดนั้นจะเกิดที่ใดในราชอาณาจักรรวมถึงสถาบันการเงินต้องระงับธุรกรรมของบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไว้ทันทีเป็นการชั่วคราว ไม่เกิน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่รับแจ้ง
นอกจากนี้ผู้ที่เปิดบัญชีม้า ซิมม้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท และผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณาซื้อขายบัญชีม้า มีโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 200,000-500,000 บาท ทั้งนี้ปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ เป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเงินออกนอกประเทศ ซึ่งผลการผลการดำเนินการที่ผ่านมาพบผู้เสียหายมากกว่า 2 แสนราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท