อยุธยา-ออกหน่วยเคลื่อนที่”คนอยุธยา..ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”พร้อมเกื้อหนุนโครงการวัดประชารัฐ

อยุธยา-ออกหน่วยเคลื่อนที่”คนอยุธยา..ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”พร้อมเกื้อหนุนโครงการวัดประชารัฐ

ภาพ-ข่าว:นราเอก ตันศิริ / นพดล บำเพ็ญสัตย์

          จ.พระนครศรีอยุธยา บูรณาการออกหน่วยเคลื่อนที่ ช่วยเหลือ เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน “คนอยุธยา..ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พร้อมเกื้อหนุนโครงการวัดประชารัฐสร้างสุขอย่างยั่งยืน ในพื้นที่อำเภอท่าเรือ
            เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ที่ โดมอเนกประสงค์วัดบึง ตำบลวังแดง อ.ท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บูรณาการร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัดและภายในพื้นที่อำเภอท่าเรือ รวม 19 หน่วยงาน ร่วมออกหน่วยเคลื่อนที่ ช่วยเหลือ เยี่ยมเยียน พบปะประชาชน ภายใต้แนวคิด “คนอยุธยา..ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฯ พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรี อยุธยา
           นายวิชาญ น้อยโต นายอำเภอท่าเรือ และประชาชน ร่วมกิจกรรมกว่า 250 คน รวมทั้งได้รับความเมตตาจากคณะสงฆ์ นำโดย พระเทพวัชรจริยาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช พระครูปริยัติยาธิคุณ เจ้าคณะอำเภอท่าเรือ เจ้าอาวาสวัดสะตือ พระครูปลัดสุวัฒนเถรคุณ รองเจ้าคณะอำเภอภาชี เจ้าอาวาสวัดตะโก พระครูโสภณปริยัตยานุยุต เจ้าคณะตำบลปากจั่น เจ้าอาวาสวัดจันทร์ พระครูอุดมภาวนาธิมุต (หลวงพ่อเพย) เจ้าอาวาสวัดบึง ร่วมสนับสนุนการเกื้อหนุน “โครงการวัด ประชารัฐ สร้างสุข อย่างยั่งยืน” สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค
            นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พบปะประชาชน และมอบป้ายศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลและศูนย์ประสานอาสาสมัคร พม. มอบรถเข็นนั่ง (วิลแชร์) จำนวน 1 คัน มอบเงินสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จำนวน 50 ราย เป็นเงิน 150,000 บาท มอบเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมน้ำดื่ม จำนวน 53 ชุด มอบทุนการศึกษากองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี จำนวน 10 ทุน ทุนละ 1,000 บาท มอบทุนการศึกษาจากองทุนพัฒนาไฟฟ้าบริษัท กัลฟ์ฯ จำนวน 30 ทุนๆละ 2,000 บาท รวม 60,000 บาท และลงพื้นที่เยี่ยมเยียนบ้านกลุ่มเปราะบาง จำนวน 1 ครอบครัว และนักเรียนทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพื้นที่ จำนวน 2 ครอบครัว รวม 3 ครอบครัว
            นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การจัดโครงการบูรณาการออกหน่วยเคลื่อนที่ช่วยเหลือเยี่ยมเยียน พบปะประชาชน เป็นกิจกรรมการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการกลุ่มเปราะบาง (เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ) และผู้ประสบปัญหาทางสังคมอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ ให้สามารถที่จะเข้าถึงสิทธิ์ในการเข้ารับบริการและความช่วยเหลืออื่นๆ จากภาครัฐได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ร่วมกัน ในรูปแบบ “โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข” “โครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร์” โดยเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวความคิด “คนอยุธยา..ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคคลากรของอำเภอมหาราช

              ต่อมาเวลา 13.00 น.นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการฝ่ายปกครองอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสิรศักดิ์ ทัศยาพันธุ์ นายอำเภอมหาราช พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ ข้าราชการ และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับและร่วมประชุมรับนโยบายในการทำงาน
              นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีข้อสั่งการ แก่บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดที่ทำการปกครองอำเภอมหาราช ประกอบด้วย 1.ให้อำเภอกวดขันการลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันต่างๆ โดยเฉพาะ การลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันตู้ม้า ตู้เกมการพนันประเภทอื่นๆ และถือปฏิบัติตามนโยบายในหนังสือสั่งการของรัฐและกระทรวงมหาดไทยโดยเคร่งครัด หากปล่อยปละละเลยไม่สนใจในการสืบสวน ปราบปราม จับกุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอบายมุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนพัวพันกับอบายมุข การทำผิดกฎหมาย หรือเรียกรับผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับแหล่งอบายมุข ถือเป็นความบกพร่องที่จะต้องถูกพิจารณาโทษ 2.ให้ปลัดอำเภอประจำตำบลลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปลัดอำเภอมีบทบาทสำคัญนำการสานสัมพันธ์ของคนในตำบล/หมู่บ้าน สร้างการรับรู้บริการความช่วยเหลือของทางราชการให้มากที่สุด
             3.การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณสถานที่ราชการ ห้องน้ำ ตลอดจนบ้านพักข้าราชการให้สะอาดอยู่เสมอ 4.การติดตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด 5.ให้สำรวจและรวบรวมข้อมูลคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ นักเรียนทุนฯ และเข้าไปเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ 6.การอยู่เวรสถานที่ราชการ ขอให้จัดให้มีเวรยามเพื่อรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดราชการ 7.การดูแลสถานที่สำคัญต่างๆ ในอำเภอ เช่น สถานที่ที่พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงปลูกต้นไม้ และโครงการพระราชดำริ ต่างๆเป็นต้น 8.การแก้ไขปัญหาเชิงสังคมและครอบครัว ให้อำเภอเข้าไปดูแล ติดตาม หากพบปัญหาให้เข้าไปแก้ไขปัญหาโดยด่วน 9.ให้อำเภอตรวจติดตาม และกำชับสถานบริการ และสถานประกอบการ ที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการให้ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ 10.การแต่งกายในการปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามข้อสั่งการที่เคยแจ้งให้ทราบ โดยแต่งเครื่องแบบปฏิบัติราชการในวันจันทร์ และขอความร่วมมือสวมผ้าไทยหรือผ้าประจำจังหวัดในวันที่กำหนดไว้ ส่วนวันอื่นๆ ให้แต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย

อำเภอมหาราชจัดกิจกรรม จิตอาสาพระราชทาน ทำความสะอาดวัดวชิรธรรมราม ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

          จากนั้นเวลา 14.30 น.นายสิรศักดิ์ ทัศยพันธ์ นายอำเภอมหาราช พร้อมด้วย ปลัดอำเภอมหาราช ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และประชาชนจิตอาสา ได้ร่วมกัน จิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาพื้นที่ภายในวัดวชิรธรรมาราม ให้แลดูสะอาดตา เพื่อรอรับ อุบาสก อุบาสิกา ที่จะมาปฏิบัติธรรม ที่วัดวชิรธรรมมาราม ในวันที่ 7 – 9 กรกฎาคม 2566 นี้ รวม 3 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 นี้
           นายสิรศักดิ์ ทัศยพันธ์ นายอำเภอมหาราช กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า มีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และเกิดความรักความผูกพันในสถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
           ทั้งนี้ จิตอาสาทุกคนต่างพร้อมใจกัน ประกอบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เป็น การสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม รักชาติบ้านเมือง และสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!