ราชบุรี-เจ้าของท่าเรือแจง ไม่ได้เรียกเก็บค่าเรือแพง และคืนเงินให้บางส่วนแล้ว
ภาพ-ข่าว ประทีป อยู่แช่ม
จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนผ่านเพจชื่อดัง ว่า เพื่อนชาวต่างชาติติดต่อมาว่าเก็บค่านั่งเรือ หัวละกว่า 3,000 บาท ที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก โดยคนที่ไปด้วยมีแต่เด็กและผู้หญิง ด้วยความกลัวจึงต้องยอมจ่าย ทั้งที่รู้ว่าถูกโกง ซึ่งตอนนี้เพื่อนของตนอยากได้เงินคืนมาก นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า คนแถวนั้นบอกว่ามีหลายคนโดนแบบนี้เช่นกัน พูดอะไรไม่ได้ เพราะก็กลัวเหมือนกัน โดยตนยังได้โทรไปขอข้อมูลเพื่อเช็กราคากับเจ้าอื่น พบว่าแบบเหมา คิดเพียง 500-800 บาท เท่านั้น แต่เพื่อนตนนั้นโดนหัวละถึง 3,000 บาท ตนได้พยายามโทรไปแจ้งที่ อ.ดำเนินสะดวก แล้วแต่ก็โทรไม่ติด จึงต้องร้องผ่านสื่อเพื่อให้ช่วยเหลือ
ในวันนี้ ( 10 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้เข้าพูดคุยกับนายสุวิทย์ชาติ นวมเพ็ชร นายอำเภอดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ก็ทราบว่าได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเมื่อวานนี้แล้ว ทางท่าเรือก็ชี้แจงว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 ที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. มีนักท่องเที่ยว 3 คน เป็นชาย 1 หญิง 2 ไม่ได้มีเด็กมาด้วยตามที่สื่อโซเซียลนำไปลง โดยทางท่าเรือได้แจงแพ็กเก็ตให้นักท่องเที่ยวได้รับฟังถึงราคาในการนั่งเรือแต่ละเที่ยวว่าจะไปที่ไหนบ้าง ซึ่งราคาตั้งแต่ 2000 / 1 ชั่วโมง 3000 / 2 ชั่วโมง และ 5000 / 3 ชั่วโมง ซึ่งลูกค้ารายนี้เลือกที่จะไปท่องเที่ยวทั้งหมด 7 แห่ง ต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง ตกลงกันในราคา 9000 บาท โดยไปที่เตาตาลบางเระ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก วัดปรก ปางช้างเพื่อไปชมจรเข้ซึ่งจะมีค่าเข้าชมโดยทางปางช้างคิดหัวละ 400 บาท ซึ่งทางท่าเรืออ้างว่าเป็นคนจ่ายให้
หลังจากนั้นก็ไปวัดบางน้อย วัดบางกุ้ง และจบที่ตลาดน้ำอัมพวา ในจ.สมุทรสงคราม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวได้ขึ้นแท็กซี่ที่ไปรอรับที่ตลาดน้ำอัมพวา และพากลับมาที่ท่าเรือพร้อมกับบอกว่าไม่พอใจเรื่องราคา จึงมีการพูดคุยกันและตกลทางท่าเรืออ้างว่าได้คืนเงินสดให้ท่องเที่ยวไป 4000 บาท และเรื่องก็จบ ซึ่งทางอำเภอก้ได้เรียกคนขับเรือมาสอบถามก็พบว่าไม่ได้มีการขู่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งนักท่องเที่ยวที่นั่งเรือไปก็สนุกสนานดีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่บอกว่าพยายามแจ้งมาที่อำเภอแต่ติดต่อไม่ได้นั้น ก็ต้องบอกว่าในช่วงกลางวีนนั้นมีคนอยู่ตลอดแต่อาจจะมีสายไม่ว่าง ก็ต้องขออภัยด้วย ซึ่งตอนนี้ได้แนะนำท่าเรือไปแล้วถึงเรื่องของการขายแพกเก็ตว่าต้องชัดเจนหรือให้เซ็นต์ชื่อรับทราบว่าตกลงและพอใจในการซื้อแพกเก็ตนี้ ซึ่งทางท่าเรือก็บอกว่าจะรับไว้พิจารณา ส่วนเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ในการรับเรื่องร้องเรียนนั้นต่อไปนี้จะนำเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของตนไปติดไว้ตามท่าเรือทุกท่า เพื่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเวลาที่มีปัญหาด้วย
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนางสาวณัฐฐา ทองเจิม และนายสุรชัย ทองอุดม เจ้าของท่าเรือแฟมิรี่ ซึ่งตั้งอยู่ตำบลตาหลวง อ.ดำเนินสะดวก และเป็นท่าเรือที่นักท่องเที่ยวร้องเรียน ก็ให้ข้อมูลว่า คนที่ร้องเรียนนั้นเป็นคนไทยที่ไม่ได้มาลงเรือเที่ยว แต่คนที่มาเที่ยวนั้นเป็นเพื่อนชาวต่างชาติ จึงอาจจะไม่ทราบว่านักท่องเที่ยวนั้นไปที่ใดบ้าง และใช้เวลากี่โมงในการท่องเที่ยว ซึ่งก่อนจะมีการลงเรือนักท่องเที่ยวก็เป็นคนเลือกแพกเก็ตเองไม่ได้มีการบังคับและจ่ายเงินโดยรูดเครดิตการ์ด จำนวน 9000 บาท ซึ่งก็จะมีค่าภาษี 360 บาท ซึ่งการจ่ายเงิน 9000 บาท นั้นลูกค้าไม่ต้องจ่ายอะไรอีกแล้วสามารถเข้าชมหรือท่องเที่ยวได้ตามที่มีการเลือกแพกเก็ตไว้ เพราะทางท่าเรือจะเป็นคนจ่ายให้เองทั้งหมด
แต่ละครั้งหากนักท่องเที่ยวไปไม่ทันในรอบที่มีการแสดงโชว์ในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเลือกไว้ เรือก็จะต้องรอในรอบถัดไป ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ 1 ชั่วโมงตามที่ตกลงกันไว้ แต่ทางท่าเรือก็ไม่ได้คิดเพิ่ม และครั้งนี้ลูกค้าไปไกลถึงตลาดน้ำอัมพวา ซึ่งอยู่คนละจังหวัดเลย แต่ไม่รู้ว่าลูกค้าไปคุยกับใครทำให้พอกลับมาแล้วไม่พอใจทางท่าเรือก็เลยตัดปัญหาคืนเงินสดให้ไป 4000 บาท แต่ไม่ทราบว่าคนที่มาร้องเรียนนั้นทราบหรือไม่ว่า มีการคืนเงินให้แล้วและระยะเวลาก็นานกว่าที่มีในแพกเก็ต ซึ่งราคานี้คนไทยหรือต่างชาติก็คิดเหมือนกัน แต่คนไทยอาจจะมีลดหย่อนลงได้บ้าง
ต้องเข้าใจด้วยว่าพื้นที่ท่าเรือของตนเองนั้นอยู่ด้านนอก ไม่ได้อยู่ในตลาดน้ำฉะนั้นราคาจึงไม่เหมือนในตลาดที่น้ำมีระยะทางใกล้ๆ คิดราคา 500-800 บาท และราคานี้ทางพานิชย์ก็เป็นคนกำหนดราคามาให้เหมือนกันทุกท่าที่อยู่รอบนอก แต่พอมีเรื่องร้องเรียนออกมาทำให้ตลาดน้ำเสียชื่อเสียงอย่างมาก ตนจึงอยากวิงวอนพวกนักเลงคีย์บอร์ดให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะนำไปลงเพราะมันสร้างความเสียหายมาก และยืนยันว่ามีการตกลงราคากับนักท่องเที่ยวแล้ว และเมื่อนักท่องเที่ยวไม่พอใจกับราคาหลังจากที่กลับจากไปเที่ยวมาแล้วก็ยังคืนเงินให้ ไม่ได้มีการข่มขู่แต่อย่างใด