ตราด-ย้ายแล้วบ่อแมงกะพรุน..แก้ปัญหากลิ่นเหม็นไมได้ นอภ.จี้ตรวจสอบที่ใหม่ห้ามกระทบชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ภาพ-ข่าว:พูลศักดิ์ บุญลอย /ศิวพงศ์ บุญลอย
นายวิจิตร พาพลงาม นายอำเภอคลองใหญ่ เปิดเผยถึงความคืบหน้าปัญหาบ่อหมักแมงกะพรุนที่บ้านตาหนึก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลังกระทบชุมชนเรื่องกลิ่นเหม็น และยังมีการปล่อยน้ำเสียจากบ่อหมักลงทะเล ชายหาดบ้านตาหนึกว่า หลังเกิดปัญหาการร้องเรียนของเอกชน และชาวบ้าน ได้นำคณะกรรมการทุกหน่วยที่รับผิดชอบ ตรรวจสอบพื้นที่ พร้อมทั้งเข้าประชุมร่วมกันทั้งเจ้าของบ่อหมัก ชาวบ้าน ผู้ประกอบการที่พัก รวมทั้งคณะกรรมการทุกหน่วยงาน สรุปผลคือให้เจ้าของบอ่หมักแก้ปัญหาทั้งหมด คือ ต้องมีใบอนุญาตจากท้องถิ่น ต้องแก้ปัญหากลิ่นเหม็น และต้องมีการทำบ่อปรับสภาพน้ำก่อนปล่อยลงทะเล ซึ่งเจ้าของบ่อหมักแมงกะพรุน คือนายวิโรจน์ ขันนิคม รับจะเร่งแก้ไข ดำเนินการตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 26 มิย.66 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ นายวิจิตร พาพลงาม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าในเรื่องราวดังกล่าวว่า นายวิโรจน์ไม่สามารถแก้ปัญหากลิ่นเหม็นของบอ่หมักแมงกะพรุนได้ ทำให้ชาวบ้านร้องเรียนมาอีก จึงสั่งให้นายวิโรจน์ หาที่ทำบ่อหมักแมงกะพรุนใหม่ ซึ่งนายวิโรจน์ได้ทำการย้ายบ่อหมักไปได้หลายวันแล้ว โดยไปใช้สถานที่ริมคลองขุด ติดกับสะพานข้ามคลองบ้านคลองขุด ม.5 ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ โดยสถานที่ดังกล่าว มีบันไดปูนซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะทำเป็นที่ขึ้นแมงกะพรุน ส่วนที่ทำบ่อหมักริมคลองเป็นที่ของเอกชนในการนำแมงกะพรุนที่รับซื้อมาจากชาวประมงพื้นบ้านมาทำการหมักแมงกะพรุนต่อ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพรายละเอียดการทำว่า มีบ่อบำบัดน้ำหมักแมงกะพรุนก่อนปล่อยลงลำคลองหรือไม่ โดยบอกเพียงสั้นๆว่า “พอได้แล้ว”
ในเรื่องดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ติดต่อทั้งหน่วยงาน ทสจ.ตราด และสำนักงานทรพยากรธรรมชาติทางทะเลชายฝั่งตะวันออก เรื่องผลการตรวจสอบคุณภาพของน้ำที่ปล่อออกมาจากบ่อหมักแมงกะพรุนลงสู่ทะเล ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจวัดของ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตะวันออก ที่รับผิดชอบในเรืองนี้ และอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจอยู่
ในเรื่องดังกล่าว นายวิจิตร พาพลงาม นายอำเภอคลองใหญ่ เปิดเผยว่า นายวิโรจน์ย้ายบ่อหมักมาที่ใหม่ ยังไม่มีการร้องเรียนจากชาวบ้านเรื่องกลิ่นเหม็น ซึ่งตนเองให้โอกาสผู้ประ กอบการคือนายวิโรจน์ ในการทำธูรกิจแปรรูปแมงกะพรุน ถือเป็นการสร้างรายได้ให้ชาวประมงพื้นบ้าน ในการจับแมงกะพรุนส่งขาย และเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่เดือน และเมือ่ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือชาวบ้านทนได้ก็ถือไม่กระทบกับชาวบ้าน เพราะชาวบ้านที่บ้านคลองขุดเกือบ 100 % มีอาชีพประมงพื้นบ้าน ส่วนปัญหาน้ำแมงกะพรุนกระทบสิ่งแวดล้อม นายอำเภอคลองใหญ่ ตั้งข้อสังเกตุว่า อาจจะไม่กระทบกับสภาพน้ำและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องรอผลตรวจจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอีกที ว่าผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามจะต้องให้คณะกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงการย้ายบ่อหมักแมงกะพรุนของนายวิโรจน์ที่บ้านคลองขุดอีกครั้งในเร็วๆนี้