ประจวบคีรีขันธ์-สุดทน..!เครือข่ายภาคประชาชนจะไม่ทนเตรียมถอดเสาไฟสับปะรดริมอ่าวมอบให้รองผู้ว่า

ประจวบคีรีขันธ์-สุดทน..!เครือข่ายภาคประชาชนจะไม่ทนเตรียมถอดเสาไฟสับปะรดริมอ่าวมอบให้รองผู้ว่า

ภาพ-ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้มบรรทุกซากเสาไฟประติมากรรมสับปะรดทรัพย์สินของทางราชการไปจำหน่ายที่“ แก้วสุวรรณรีไซเคิล” ถนนสุขสมบูรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 จากนั้นไปขอเสาไฟกลับคืนพร้อมคืนเงินให้เจ้าของเชียงกง 1,000 บาท เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเร่งตรวจสอบ เพื่อหาเจ้าของงบจัดซื้อ จากนั้นจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่นำเสาไฟไปจำหน่ายในร้านรับซื้อของเก่า เนื่องจากเสาไฟสูง 4 เมตร มีราคารวมค่าติดตั้งต้นละ 8 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท มีมากกว่า 300 ต้น ติดตั้งที่สันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 8 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 15 กรกฎาคม
              วันที่ 16 กรกฎาคม นายสมรรถภณ อุดมศิลป์ อายุ 61 ปี แกนนำกลุ่มประจวบต้องดี เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว ตัวแทนภาคประชาชนจะไปสอบถามผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ และ สำนักงานโยธาจังหวัดเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าหน่วยใดเป็นเจ้าของเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่นติดตั้งบนสันเขื่อนกันคลื่นที่เชิงสะพานคลองนางรม หน้าเขาช่องกระจก ถึงสะพานสราญวิถีหาก 2 หน่วยปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าของเสาไฟ เพื่อป้องกันปัญหาเสาจุดนี้ถูกลักไปขายต้นละ 1 พันบาท ตัวแทนภาคประชาชนจะนำภาพถ่ายไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะดำเนินการถอดเสาออกจากสันเขื่อนเพื่อนำไปมอบให้ผู้บริหารระดับจังหวัดที่ศาลากลางจังหวัดจัดเก็บในสถานที่ที่เหมาะสม

              นายสมรรถถณ เนื่องจากปัจจุบันเสาไฟเอียง ฐานยึดไม่แข็งแรง เสาไฟอาจล้มทับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากภาคประชาชนทักท้วงเทศบาลเมืองประจวบฯได้นำแผงกั้นจราจรมาติดตั้งที่เสาไฟ และหลังจากนั้นจะตรวจสอบเสาไฟสับปะรดตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงกองบิน 5 เพื่อตรวจสอบความแข็งแรงพร้อมเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ระวังอันตราย เนื่องจากทราบว่าทุกหน่วยงานที่ใช้งบประมาณในการจัดสร้างเสาไฟสับปะรดหลายสิบล้าน สร้างแล้วไม่เคยมีงบในการปรับปรุง ไม่มีการดูแลรักษาเพื่อใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า

               พ.ต.อ.ไพทูร พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเชิญบุคคลใดหรือลูกจ้างที่ขับรถยนต์ของเทศบาลแห่งหนึ่งมาให้ปากคำ กรณีมีการนำเสาไฟไปขายที่ร้านของเก่า ตามที่มีกระแสข่าว เนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าแจ้งความถูกลักทรัพย์หลังจากเสาไฟสูญหาย ขณะที่การเรียกบุคคลมาให้ปากคำหรือมีหมายเรียกจะต้องมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษและจะต้องมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ทั้งนี้ยืนยันว่าได้แจ้งให้เทศบาลเมืองประจวบฯ สำนักงานโยธาจังหวัด สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา นำเอกสารหลักฐานตามระเบียบพัสดุของทางราชการมาแสดงเป็นเจ้าของทรัพย์ จากนั้นจะต้องแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์
                 จ.อ.เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า จะร่วมกับกลุ่มประจวบต้องดีเพื่อดำเนินการกับเสาไฟสับปะรดที่ชำรุด หน้าเขาช่องกระจก ในจุดที่มีการลักเสาไปขาย เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ขณะเดียวกันขอชี้เป้าให้รถกระเช้าไฟฟ้าสีส้มขององค์กรปกครองท้องถิ่นแห่งหนึ่ง หากว่างจากการลักเสาโคมไฟสับปะรดไปแอบขายให้เชียงกงนานเกือบครึ่งเดือนแล้วยังไม่มีความผิด ขอแนะนำให้เจ้าหน้าที่นำรถกระเช้าไปยกเสาไฟไฮแมสที่หน้าที่ว่าอำเภอเมืองประจวบฯไปขาย หลังจากมีการใช้งบหลวงเกือบ 1 ล้านบาทติดตั้งนานเกิน 10 ปี ปัจจุบันไม่มีมิเตอร์ไฟ ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีหน่วยใดรับเป็นเจ้าของ ไม่มีประโยชน์กับประชาชน เช่นเดียวกับเสาไฟไฮแมสราคาเกือบ 1 ล้านบาท เสาไฟสับปะรดต้นละ 1 แสนบาทจากงบของสำนักงานโยธาจังหวัดที่ติดตั้งในค่ายลูกเสือ ชุมชนม่องล่ายเขตเทศบาลเมือง ไม่มีแสงสว่างนานหลายปีแต่ไม่มีหน่วยใดรับผิดชอบ

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!