ประจวบคีรีขันธ์-ป้าวัย 65 ปีสุดเซ็ง!ทำสวนเกษตรพอเพียงเลี้ยงชีพ ถูกหัวขโมยลักผลผลิตและเครื่องมือทำมาหากินจนท้อใจ

ภาพ-ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

                    วันที่ 29 กรกฎาคม 66 ผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางลงพื้นที่ไปในสวนแปลงเกษตรพอเพียงไร่แม่จิ๋ว ที่บริเวณ หมู่ 1 บ้านหนองกก ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพบกับนางจิ๋ว โล่เหล็ก อายุ 65 ปี เจ้าของสวน เพื่อสอบถามความเดือดร้อน และความเสียหายของพืชผลทางการเกษตร และวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตร หลังถูกหัวขโมยแอบเข้ามาลักขโมยผลผลิตภายในสวน และวัสดุอุปกรณ์การเกษตรสำหรับประกอบอาชีพทำสวนจนสูญหายไปจำนวนมาก โดยถูกหัวขโมยแอบเข้ามาขโมยจำนวนหลายครั้งจนท้อใจ และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.66 ที่ผ่านมา
                   โดยเมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปถึงที่เกิดเหตุได้พบกับ นางจิ๋ว โล่เหล็ก อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของสวน และ นางสาวมะลิ ปานนก อายุ 53 ปี น้องสาว ซึ่งเป็นผู้ดูแลสวน พร้อมด้วย นายภคินท์ บำรุงวัตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลเกาะหลัก พร้อมกับญาติและลูกหลาน และได้พาผู้สื่อข่าวเดินสำรวจความเสียหายภายในสวนที่เกิดขึ้นตามจุดที่ถูกหัวขโมยแอบเข้ามาลักทรัพย์สิน พบมีสายยางขนาดนิ้วครึ่งหายไปกว่า 10 เมตร สายไฟ 220 โวลท์ สำหรับมอเตอร์ปั๊มน้ำสูญหายไปกว่า 100 เมตร เบรกเกอร์สวิตช์ไฟ และ ผลมะพร้าวที่ถูกปอกเปลือกกองทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้ากว่า 30 ลูก บริเวณโคนต้น รวมไปถึง กล้วย มะม่วง และพืชผลการเกษตรอื่นๆ ถูกลักขโมยอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังหาตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้ ขนาดมีการเขียนป้ายเตือนติดไว้แต่ก็ยังแก้ปัญหาป้องกันหัวขโมยไม่ได้ จนต้องพาลูกๆเข้ามาช่วยถอดปั๊มน้ำออกจากสวนย้ายเอาไปเก็บที่บ้าน ป้องกันการถูกขโมยซ้ำ และไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
                 นางจิ๋ว โล่เหล็ก อายุ 65 ปี เจ้าของสวน เปิดใจกับผู้สื่อข่าวด้วยความอัดอั้นว่า ตนเองพักอาศัยอยู่คนเดียว โดยลูกๆหลานๆไปทำงานอยู่ต่างพื้นที่ ตนเองจึงปลูกพืชทำสวนเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ข่า ตะไคร้ มะม่วง มะพร้าว กล้วย และอื่นๆ เพื่อนำไปขายเองตามตลาดนัดในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงชีพจะได้ไม่ต้องไปพึ่งพาหรือรบกวนลูกหลาน แต่ที่ผ่านมาถูกหัวขโมยเข้ามาลักขโมยผลผลิตและทรัพย์สินอื่นๆสูญหายจำนวนหลายครั้ง เช่น แคร่ไม้ กล้วย มะพร้าว และอื่นๆ โดยจะมักแอบเข้ามาขโมยทรัพย์สินหลังจากที่ตนเองออกจากสวนเดินทางกลับเข้าบ้านแล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นคนในละแวกหมู่บ้านเพราะจะรู้ดีว่าตนเองเข้าออกสวน และกลับบ้านเวลาใด แต่ก็ไม่เคยไปแจ้งความ ซึ่งครั้งนี้ได้แจ้งความเป็นครั้งแรก โดยหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับหัวขโมยได้ อยากเห็นหน้าหัวขโมย และอยากจะถามกับหัวขโมยว่ามารบกวนเบียดบังฉันทำไม ฉันแก่แล้ว ฉันทำคนเดียว ทำไมถึงไม่ไปประกอบอาชีพอื่นที่สุดจริต แต่ก็อยากฝากบอกหัวขโมยว่าอย่ามารบกวนฉันเลย แต่คิดว่าหัวขโมยคงไม่ฟังฉันหรอก
                   ด้านนายภคินท์ บำรุงวัตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เกาะหลัก เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า ถูกขโมยทรัพย์สินภายในสวน ตนจึงเดินทางมาตรวจสอบดูความเสียหายพร้อมกับโทรแจ้ง 191 ให้ส่งตำรวจมาตรวจดู และหลังจากนั้นจึงได้ไปประสานขอความอนุเคราะห์จากผู้ประกอบการล้งรับซื้อมะพร้าว ขอให้งดรับซื้อมะพร้าวปอกเปลือกจากผู้ขายขาจร ขอให้รับซื้อมะพร้าวจากเจ้าของสวนตัวจริงเท่านั้น เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมามีแม่ค้าพ่อค้าที่นำมะพร้าว และผลผลิต การเกษตรเอาไปขายให้กับล้ง หรือที่ร้านรับซื้อ โดยที่บุคคลคนนั้นไม่ได้ทำสวนหรือมีไร่แปลงเกษตรเป็นของตนเองแต่อย่างใด แต่กลับมีผลผลิตเอาไปขาย ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่อาจถูกขโมยเอาไปขาย และก็ได้รับความร่วมมือจากล้งที่รับซื้อเป็นอย่างดี โดยรับปากว่าจะงดรับซื้อผลผลิตจากผู้ขายขาจร จะรับซื้อจากเจ้าของสวนตัวจริงเท่านั้น ซึ่งก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาการถูกขโมยผลผลิตทางการเกษตรไปขายได้ในระดับหนึ่ง