ประจวบคีรีขันธ์-อดีตลูกเขยคอตกเดินเข้าเรือนจำหลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว คดีอุ้มอดีตแม่ยายเรียกค่าไถ่

ประจวบคีรีขันธ์-อดีตลูกเขยคอตกเดินเข้าเรือนจำหลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว คดีอุ้มอดีตแม่ยายเรียกค่าไถ่

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ 

          วันที่ 26 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีแก๊งคนร้าย 4 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 7 ใช้ปืนจี้ศีรษะอุ้มตัวนางพัชรี อายุ 48 ปี ขึ้นรถเก๋ง honda civic สีขาว ไปข่มขู่เรียกเงินค่าไถ่จำนวน 3 แสนบาท หากไม่ยอมจ่ายเงินจะยัดยาบ้าจำนวน 1,000 เม็ด แล้วบังคับให้สารภาพส่งตัวดำเนินคดีที่ จ.นครปฐม ต่อมาเจรจายอมจ่ายเงินลดราคาลงเหลือ 2 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 เวลาประมาณ 08.30 น.ที่ผ่านมา ต่อมา พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผู้กำกับการ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรเมืองประจวบฯ ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไล่ล่าแกะรอยติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ จนสามารถจับกุมตัวพร้อมรถผู้ต้องสงสัยที่มีลักษณะคล้ายกันกับในภาพกล้องวงจรปิดวันก่อเหตุมาได้ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.66 ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น.ที่ผ่านมา โดยรถคันดังกล่าวมีลักษณะคล้ายการดัดแปลงสภาพ มีการล้างทำความสะอาดรถจนใหม่เอี่ยม เปลี่ยนฝากระโปรงหน้ารถ ลอกสติ๊กเกอร์ตราโลโก้ตำรวจออก และใส่ป้ายทะเบียนหน้าหลังจนครบ ส่วนตัวผู้ต้องหา 1 รายที่จับมาได้ ตรวจสอบประวัติ อาชญากรรมเคยก่อเหตุ และถูกจับดำเนินคดีหลายคดี อาทิ ทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน คดีเกี่ยวกับอาวุธปืน คดีพยายามฆ่า คดีครอบครองและเสพยาเสพติด เป็นต้น อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังเป็นอดีตลูกเขยของนางพัชรี ผู้เสียหาย ซึ่งในปัจจุบันนางพัชรียังเลี้ยงบุตรสาวให้กับผู้ก่อเหตุตั้งแต่แบเบาะจนถึงวันเกิดเหตุอีกด้วย ตามที่ผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
          คืบหน้าล่าสุดวันนี้หลังจากที่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้นำตัวนายต้น ม่องล่าย ส่งตัวฝากขังที่ศาล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเวลาประมาณ 13.30 น.พร้อมคัดค้านการประกันตัวหลังจากควบคุมตัวไว้ครบ 24 ชั่วโมง ตามอำนาจการสอบสวน และต่อมาศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และเคยมี ประวัติการก่อเหตุอาชญากรรมมาหลายคดี เกรงว่าจะไปข่มขู่ฝ่ายผู้เสียหายและพยาน พร้อมส่งตัวฝากขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน ตามกรอบระยะเวลาผลัดแรกไม่เกิน 84 วัน ในระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหาพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด และส่งสำนวนต่อศาลให้เสร็จก่อนครบ 84 วัน
          ส่วนความคืบหน้าของคดีล่าสุด นายต้น ม่องล่าย อดีตลูกเขยทรพี ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไม่ยอมซักทอดผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีก 3 คนว่าเป็นใคร จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานยากลำบากยิ่งขึ้น ขณะนี้ยังไม่รู้ตัวผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างเร่งแกะลอยหาตัวผู้ก่อเหตุที่เหลืออีก 3 คน และหาพยานหลักฐานเพื่อมัดตัวเอาผิดนายต้น ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์ตัวแรก และส่งสำนวนต่อศาลให้เสร็จก่อนฝากขังผลัดแรก 84 วัน ในส่วนความเกี่ยวโยงของ นายต้น และรถเก๋ง honda civic สีขาวคันดังกล่าว ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีหลักฐานความเกี่ยวโยงที่ชัดเจนเกือบ 100% แต่ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ และยืนขอประกันตัวตามกฎหมาย และทราบว่าขณะนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้มอบหมายให้ทนายความ และบิดา ทำเรื่องอุทธรณ์ยื่นขอประกันตัวต่อศาล ส่วนเรื่องตำรวจที่ชื่อแงะจากการตรวจสอบ และไล่ Timeline ตามกล้องวงจรปิดในสถานที่ต่างๆและในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ พบหลักฐานว่าไม่มีความเกี่ยวโยงกับคดีนี้ แต่ไม่สามารถให้หลักฐานสื่อมวลชนได้ เนื่องจากเป็นความลับของสำนวนคดี
          ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ไม่มีอำนาจ แต่สามารถให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวในการติดตามความคืบหน้าของคดีเท่าที่ให้ได้ ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามว่านายต้น เคยก่อเหตุลักษณะเช่นนี้มากี่ครั้งและเคยทำมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ผู้กำกับให้ข้อมูลว่าจากประวัติที่พบเพิ่งก่อเหตุลักษณะแบบนี้เป็นครั้งแรก ที่เหลือตามประวัติเป็นคดีอื่นๆที่เกี่ยวกับ พรบ.อาวุธปืน ยาเสพติด และทะเลาะวิวาทเป็นส่วนใหญ่ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าจากกระแสเสียงของประชาชนว่ามีผู้ก่อเหตุในลักษณะอุ้มตัวรีดไถเงินอยู่บ่อยครั้ง จะมีแนวทางในการปราบปรามให้หมดไปจากพื้นที่เขตรับผิดชอบหรือไม่อย่างไร ท่านผู้กำกับตอบว่าผมก็พยายามจะปราบปรามให้หมด เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ได้กำชับลงมาให้จัดทำประวัติ และส่งรายงานชื่อกลุ่มแก๊งผู้มีอิทธิพล อีกทั้งแก๊งผู้ก่อเหตุยังเอาตำรวจไปแอบอ้างก่อเหตุทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจเสียหาย ทุกวันนี้จึงได้พยายามเค้นสอบจากผู้ต้องหาให้รับสารภาพ และเปิดเผยตัวผู้ร่วมแก๊งในขบวนการมาทั้งหมดมีกี่ชุดมีกี่คน แต่ผู้ต้องหาปิดปากเงียบ ปฏิเสธและไม่ยอมซัดทอดใครเลย
          ผู้สื่อข่าวจึงขอให้ผู้กำกับติดต่อตำรวจชื่อแงะเพื่อให้ชี้แจงความบริสุทธิ์ใจกับสื่อมวลชน เพื่อจะได้นำเสนอข้อมูลทั้งสองด้านอย่างเป็นกลางตามหลักวิชาชีพสื่อมวลชน ผู้กำกับระบุว่าไม่ใช่อำนาจของผมเนื่องจากไม่ใช่ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาของผม ผู้สื่อข่าวต้องไปติดต่อสอบถามหรือประสานผ่านผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่ชื่อแงะเอาเอง และตำรวจที่ชื่อแงะจะชี้แจงต่อสื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!