สมุทรปราการ-แปดร่าง แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบใน อิสราเอส ถึงไทยแล้ว
ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
จากกรณีที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รับประสาน จากบริษัทจัดการศพของอิสราเอล ว่า สถาบันนิติเวช ของ อิสราเอล อนุญาตให้นำร่างของคนไทยที่เสียชีวิต จำนวน 8 ราย ออกจากสถาบันนิติเวช ซึ่งสถานทูตจะส่งร่างพี่น้องแรงงานไทยชุดแรกดังกล่าว กลับประเทศไทย ด้วยสายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY083 ออกจาก อิสราเอลใน วันที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลา 20.00 น. และ ถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 เวลา 08.50 น. รายชื่อ ทั้ง 8 ราย ได้แก่ / 1.นายพงษธร ขุนศรี / 2.นายพิชิต นาจันทร์ / 3.นายชัยรัตน์ สานุสันต์ / 4.นายอานันต์ เพชรแก้ว / 5.นายพงษ์พัฒน์ สุชาติ / 6.นายอนุชา โสภากุล / 7.นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ / 8.นายธนกฤจฒ์ ปรากฎวงษ์ สำหรับ คนไทย ทั้ง 8 คน คือ ผู้เสียชีวิตในวันแรกของการโจมตี แต่จนถึงตอนนี้ แรงงานไทยสูญเสียชีวิตจากเหตุสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลแล้ว 30 คน ซึ่งทุกศพจะต้องได้รับการตรวจพิสูจน์ยืนยันอัตลักษณ์จากทางการอิสราเอลก่อน ถึงจะส่งกลับไทยได้ เพราะว่าทางการอิสราเอลมีเงินชดเชยให้กับญาติผู้เสียชีวิตที่เดินทางไปทำงานอย่างถูกกฎหมายทุกคน โดยมีเงินช่วยเหลือ 80,000 บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 40,000 บาท ช่วยค่าทำศพอีก 40,000 บาท และ จะให้เงินช่วยเหลือครอบครัว 36,000 บาททุกเดือน กรณีเป็นภรรยาก็จะให้จนกว่าจะแต่งงานใหม่ ส่วนลูกก็จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 6,000-12,000 บาท จนกว่าจะอายุครบ 18 ปี ด้วยเงินช่วยเหลือจำนวนนี้ทำให้ทางการอิสราเอลเองก็ต้องแน่ใจในอัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิต
เมื่อวลา 07.30 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ที่ ลานจอดรถ หน้าอาคารสำนักงานเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบว่ามีรถตู้ของ บริษัท สุริยา ฟิวเนอรัล จำกัด (สุริยาหีบศพคลองหลวง) และเอกชน มาจอดเตรียมรอเข้าไปรับร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย โดยภายในรถมีหีบโรงศพอยู่ ต่อมาเมื่อเวลา 09.50 น. ที่ เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ร่างของ 8 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสงครามใน อิสราเอล ได้มาถึงที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี ญาติพี่น้อง บ้างส่วนของผู้เสียชีวิต มารอรับร่างของแรงงานทั้ง 8 ราย พร้อมกับ / นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ / นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน / นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย / นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายร่างแรงงานทั้งหมดกลับภูมิลำเนา
นายวิเชียร บุญช่วย หัวหน้าทีมลำเลียงศพ เปิดเผยว่ากระทรวงการต่างประเทศมีการประสานงานกับสถานทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟประเทศอิสราเอล ให้รับศพแรงไทยทั้ง 8 ร่าง ที่จะส่งกลับมาประเทศไทย ทางสุริยาหีบศพ จึงได้เป็นตัวแทนในการนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ร่าง โดยเตรียมหีบศพสำหรับเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิตมาด้วย และจะส่งไปยังภูมิลำเนาเพื่อให้ญาตินำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยมีขั้นตอนการลำเลียงศพกระจายไปยังภูมิลำเนา 1 คัน ต่อ 1 ศพ แต่จะมีอีก1คัน เป็นพี่น้องกัน ไปส่งที่จังหวัดขอนแก่น 2 ศพ ครบทุกคัน และมีเจ้าหน้าที่สแตนบายรอรับ เมื่อศพมาถึงกระจะมีการกระจายไปในทันที ซึ่งโดยปกติแล้วที่ผ่านมาสุริยาหีบศพก็มีการช่วยเหลือเคสแบบนี้มาตลอด และครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษที่จะส่งร่างทั้ง 8 ศพโดยไม่มีญาติมารอรับ ขณะเดียวกันตนเองก็ขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและตนก็รู้สึกภูมิใจในการทำหน้าที่ครั้งนี้ หลังจากที่รอคอยอย่างมีความหวัง
นางวงเดือน ล้ำเลิศ 42 ปี น้าของนายอานันต์ เพชรแก้ว เผยว่า ทางญาติเดินทางไปทำงานเกี่ยวกับการเกษตรหลายคน ซึ่งทุกคนก็ไม่เคยเจอกับอย่างเหตุการณ์นี้ก็เลยกล้าไป ก็ไปทำงานหาเงินตามปกติ ซึ่งอยู่บ้านเราก็ไม่ได้เงินเท่าบ้านเขา ส่วน น้อง ก็ไปทำอยู่กับการเกษตรอยู่ในฟาร์ม คือ สงครามมันเกิดประจำ แต่ครั้งนี้มันเป็นข่าว เราเริ่มติดต่อหาคนของเราตั้งแต่วันที่ 7 ซึ่ง วันที่ 7 แม่ เขาก็โทรติดต่อหาลูกสะใภ้ว่าติดต่อหาน้องได้ไหม ก็ ยังบอกว่ายังคุยกันอยู่เลยตอน 6 โมงเช้ายังติดต่อได้ แต่ตอนในช่วงสาย ๆ ก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว แต่ก็หาทางติดต่อทุกทาง ก็ทำทุกอย่างที่ทำได้ หาทุกทางจนท้อว่าคนของเราน่าจะสูญหาย ก่อนที่ทางการจะส่งข่าวมาว่าเจอแล้วเป็นศพแล้ว
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยว่า วันนี้ร่างแรงงานทั้ง 8 ราย มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ ต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง กว่าที่จะผ่านพิธีการของทางศุลกากร หลังจากนั้นเวลา 11.00 น ก็จะมีพิธีกรรมทางศาสนา ที่จะมีการวางพวงหรีดของ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ของ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายร่างกลับสู่ภูมิลำเนา หลังจากที่ร่างแรงงานถึงภูมิลำเนาแล้ว จะให้ 5 เสือแรงงานลงพื้นที่ไปหาทางครอบครัวแรงงาน เพื่อชี้แจงสิทธิ์ที่ควรได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ และ ของอิสราเอลด้วย โดยกรณีเป็น ภรรยา จะได้เงินช่วยเหลือ เดือนละ 40,000 บาท จนกว่าจะแต่งงานใหม่ ส่วนลูกก็จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 6,000-12,000 บาท จนกว่าจะอายุครบ 18 ปี ส่วนเรื่องการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตก็น่าจะไม่เป็นปัญหา เนื่องจากได้มีการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตผ่านทางสถานฑูตไทยอยู่แล้ว