สุพรรณบุรี-ผู้ว่าฯ นำเจ้าหน้าที่เยี่ยมให้กำลังใจและหาทางช่วยแรงงานที่กลับจากอิสราเอล
ภาพ/ข่าว:มงคล สว่างศรี / ภัทรพล พรมพัก
ที่จังหวัดสุพรรณบุรีนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นางนภัสสร สุวรรณประทีป ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี นางจารุณี เขมะรังษี แรงงานจังหวัดสุพรรณบุรี นายสุวิทย์ วัฒนาสันติกุล จัดหางานจังหวัดสุพรรณบุรี นายสมศักดิ์ สุขวัฑฒโก ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 จังหวัดสุพรรณบุรี นางสาวสิริกร นิลกำแหง พัฒนาการจังหวัดสุพรรณบุรีนางสาวดวงแก้ว เลิศรัตนรังษี ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี นางสาวสิริกร นิลกำแหง พัฒนาการจังหวัดสุพรรณบุรี ฝ่ายปกครองและผู้บริหารท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 221/ 6 หมู่ 8 ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เพื่อพบปะเยี่ยมให้กำลังใจ น.ส.ธัญญ์นลิน กรัดเฉยดี อายุ 46 ปีและนายศุภทวี อาคะเนย์ อายุ 31 ปีสองสามีภรรยา แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การสู้รบที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งมีคนไทยไปใช้แรงงานอยู่จำนวนมากสำหรับสุพรรณบุรีมีแรงงานทำงานอยู่ที่อิสราเอล 15 คนประกอบด้วยอำเภอเมือง ดอนเจดีย์ สองพี่น้อง หนองหญ้าไซ สามชุก หลังเกิดการสู้รบขณะนี้แรงงานของสุพรรณบุรี ได้เดินทางกลับมาแล้ว 3 คนหลังจากเกิดเหตุช่วงแรกเราได้ติดต่อกับแรงงานไทยทุกรายที่เป็นคนสุพรรณบุรี ว่าสามารถติดต่อกับสถานทูตได้หรือไม่ จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมครอบครัวแรงงาน ทราบว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ห่างไกลพื้นที่สู้รบและประสงค์จะอยู่ทำงานต่อมีเพียง 1 รายที่ประสงค์กลับประเทศไทยทางแรงงานจังหวัดสุพรรณบุรีก็ได้แนะนำขั้นตอนติดต่อประสานงานขณะนี้แรงงานคนดังกล่าว และแรงงานสองสามีภรรยาคู่นี้ ก็ได้กลับมาถึงบ้านแล้ว ส่วนอีก 11 รายที่ยังไม่กลับทางแรงงานจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวและแรงงานที่อยู่อิสราเอล ผ่านทางออนไลน์ และสอบถามถึงความเป็นอยู่พร้อมให้เบอร์ติดต่อไว้แล้วถ้าเปลี่ยนใจต้องการจะกลับประเทศไทยก็สามารถติดต่อได้ตามช่องทางที่ให้ไว้ นอกจากนี้เราก็คอยติดตามว่าแรงงานที่กลับมาแล้วเราก็จะไปพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจเพราะส่วนใหญ่ที่มาก็มาแบบกระทันหันบางทีไม่ได้เตีรยมการอะไร ในเรื่องการจ้างงานสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่แรงงานควรได้รับมีอะไรบ้าง ทางเจ้าหน้าที่แรงงานก็จะเข้ามาพูดคุยกันว่ามีอะไรบ้าง ที่ทางเราจะช่วยเหลือแรงงานที่มาประเทศเราแล้วได้บ้าง ส่วนคนที่ยังไม่กลับเราก็ติดต่อสื่อสารกันถ้าเขาต้องการกลับเราก็จะช่วยหาช่องทางกลับบ้านได้โดยเร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด ซึ่งแรงงานที่ทำงานประเทศอิสราเอลในส่วนของสุพรรณบุรี 15 รายไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างดีแรงงานเราพอใจยังไม่อยากกลับบ้านที่ทำงานยังอยู่ห่างไกลพื้นที่สู้รบ
ทางด้านนายเสนาะ กลัดเฉยดี อายุ 70ปี และนางสุภาภร นิธิพงศาโชค อายุ 62 ปี พ่อแม่ของ น.ส.ธัญญ์นลิน กรัดเฉยดี อายุ 46 ปี แรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล กล่าวว่าช่วงที่ลูกสาวลูกเขยทำงานอยู่ที่อินราเอล และเกิดสงครามสู้รบกันก็รู้สึกเป็นห่วงลูกมากกลัวลูกจะเกิดอันตราย กินไม่ได้นอนไม่หลับกลัวลูกจะไปเจอผู้ก่อการร้าย ตอนนี้ลูกกลับมาแล้วตนและครอบครัวรู้สึกดีใจมากที่ลูกกลับมาถึงประเทศไทยโดยปลอดภัยได้กลับมาหาพ่อหาแม่โดยปลอดภัยไม่มีอันตรายและวันนี้รู้สึกดีมากที่ท่านผู้ว่าสุพรรณบุรีและหน่วยงานต่างๆเข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจช่วยเหลือต้องขอขอบคุณท่านผู้ว่าและทุกหน่วยงาน
น.ส.ธัญญ์นลิน และนายศุภทวี สองสามีภรรยา แรงงานไทยที่เดินทางกลับถึงบ้านเกิดเล่าว่าตนได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลด้านเกษตรกรรม เมื่อปี 2562 ทำงานได้ 4 ปี 7 เดือนซึ่งสัญญาจ้าง 5 ปี 3 เดือนอีกไม่กี่เดือนก็จะครบสัญญา ส่วนนายศุภทวี ทำงานได้ 6 ปีทำงานเป็นผู้ประสานงานเป็นล่ามระหว่างแรงงานในแคมป์ กับนายจ้างเวลาที่นายจ้างสั่งการแล้วแรงงานไทยฟังรู้เรื่องและทำงานหน้าที่ฉีดพ่นยา มันช่วงกลางคืน บางทีก็เห็นเขายิงลูกระเบิดยิงจรวดใส่กัน แต่กลางวันไม่เห็นซึ่งอันตราย พอเห็นเขายิงระเบิดตอนไหนก็กลับที่พักซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลทันที ถามว่ากลัวไหมก็กลัว ดูข่าวแล้วจิตตก เห็นระเบิดเห็นจรวดลอยอยู่บนหัว ก็อยากกลับบ้านซึ่งนับว่าโชคดีมากที่ได้กลับประเทศไทย ช่วงที่เห็นระเบิดลูกจรวด ยิงข้ามหัวก็รู้สึกหวาดกลัวมากจิตตกคิดถึงพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย คิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานขอพรหลวงพ่อพระใส คุ้มครอง เพราะตนเป็นคนจังหวัดหนองคาย ตนและภรรยาทำงานอยู่เดียวกัน เวลามีเสียงระเบิดก็รู้สึกกลัวแต่ใจก็ยังสู้ เพราะมั่นใจว่าเหตุการณ์คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว ที่ผ่านมาทุกปีก็เคยเหตุการณ์สู้รบอยู่แล้วแต่ทางอิสราเอล ก็สามารถสกัดอาวุธฝ่ายตรงข้ามได้แต่ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามยิงอาวุธมาเยอะและมีการบุกโจมตีทางภาคพื้นดิน ซึ่งทางการก็ได้ประกาศแจ้งเตือนห้ามคนออกนอกบ้าน แต่บางครั้งก็เป็นเหตุสุดวิสัยเพราะบางคนคนยังทำงานกันอยู่และเป็นจังหวะที่ลูกระเบิดลง ซึ่งเราโชคดีนายจ้างไม่ได้บังคับให้ทำงานช่วงที่มีการสู้รบ นายจ้างจะเซฟความปลอดภัยของพวกเรามาก การสู้รบครั้งนี้รู้สึกกลัววมากจิตตกใจไม่อยู่แล้วอยากกลับบ้านอย่างเดียวกลัวมากกลัวไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ ที่เป็นห่วงเราทั้งร้องไห้กินไม่ได้นอนไม่หลับกลัวเราไม่มีชีวิตกลับอันตรายมากด้วย พอได้กลับมาบ้านเราก็รู้สึกดีใจอบอุ่นใจมีความสุขเห็นพ่อแม่ญาติพี่น้องรอรับเราอยู่กันพร้อมหน้า ที่ได้กลับมาก็เป็นความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ดำเนินการจัดหาเครื่องบินให้ ก็ขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือ น.ส.ธัญญ์นลิน กล่าวว่าในความรู้สึกครั้งแรกยังไม่อยากกลับประเทศไทยเพราะยังเชื่อมั่นว่ายังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยมั่นใจในระบบการป้องกันเวลาที่มีการสู้รบกัน เพราะที่ผ่านมาเขาสามารถยิงสกัดไว้ได้หมด แต่พอมีผู้ก่อการร้ายบุกทางภาคพื้นดินก็รู้สึกกลัว แต่ถ้าการรบกันทางอากาศตนไม่กลัวเพราะเชื่อว่าเขาสกัดไว้ได้หมดเซฟความปลอดภัยได้ถ้าเราทำตามกฎเขาแต่ที่กลัวมากคือการบุกทางภาคพื้นดิน และสงสารพ่อแม่ ครอบครัวเราและพ่อแม่ ครอบครัวสามีที่หนองคายด้วย
นายศุภทวี กล่าวว่าทีแรกภรรยาไม่อยากกลับซึ่งตนได้ติดตามข่าวตลอดรู้ว่าเหตุการณ์คงไม่ยุติแน่ก็บังคับภรรยาให้กลับสุดท้ายก็จึงได้กลับ หลังจากนี้ก็จะกลับไปประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่บ้านหนองคาย นำเอาความรู้ประสบการณ์การทำงานและเทคโนโลยีที่อิสราเอล มาปรับใช้ พร้อมน้อมนำแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไป และขอส่งกำลังใจไปให้เพื่อนแรงงานไทยที่ยังอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ขอให้ปลอดภัยกันทุกคน