กาญจนบุรี-“หมอเณร”เดือด..!!นำโฉนดที่ดินโร่ขึ้นโรงพัก แจ้งความช่างรังวัดที่ดิน-เจ้าของที่ข้างเคียงร่วมกันบุกรุก และ 157
ภาพ-ข่าว:รักษพล พุ่มพฤกษ์
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอยาสมุนไพรชื่อดังเมืองกาญจนบุรี ว่าที่ดินของตนที่มีอยู่เกือบ 100 ไร่ ถูกเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงนำช่างมารังวัดรุกกินที่ดินของตนเข้าไปกว้างประมาณ 5 เมตร ยาวประมาณ 600 เมตร โดยจะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยกระเจา เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของแปลงที่ดินและช่างรังวัดในข้อหาร่วมกันบุกรุก และ ม.157 ต่อช่างรังวัดอีก 1 คดี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปพบนายชัยรัตน์ฯ หรือหมอเณร ที่สวนสมุนไพรเลขที่ 36 หมู่ 10 ตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อไปถึงพบนายชัยรัตน์ฯ พร้อมคนงานรออยู่ภายในสำนักงาน จากนั้นนายชัยรัตน์ฯจึงได้นำพาสื่อฯไปตรวจสอบเสาปักหลักเขตที่ดินแปลงของนายชัยรัตน์ ที่อยู่ท้ายหลังสวนสมุนไพร ของโฉนดที่ดิน นส.4 จ.เลขที่ 4762 โดยนายชัยรัตน์ได้ให้คนงานใช้ตลับเมตรมาวัดความยาวยาวและกว้างตั้งแต่เสาปักเขตตลอดแนวที่ถูกรุกที่ดินยาวไปจนถึงด้านหน้าสวนสมุนไพรที่ติดกับถนนสายหลัก โดยพื้นที่ที่ถูกบุกรุกนั้นนายชัยรัตน์ แจ้งให้ทราบว่ายาวประมาณ 600 เมตร ส่วนความกว้างนั้นลดหลั่นกันไป บางช่วงกว้าง 6 เมตร บางช่วงกว้าง 5 เมตร
ส่วนบริเวณด้านหน้ากว้างถึง 10.50 เมตร หากคำนวณออกมาแล้วคาดว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกน่าจะประมาณเกือบ 2 ไร่ และทั้งนี้ นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอสมุนไพรชื่อดังเล่าว่า ที่ดินของตนมีอยู่เกือบ 100 ไร่ มีโฉนดอยู่ 3 ใบ เมื่อก่อนจังหวัดกาญจนบุรี จะกันที่ดินแปลงที่อยู่ติดกันเอาไว้เป็นแนวกันไฟ และสามารถให้ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางขนสินค้าทางการเกษตรได้ โดยเป็นเหมือนกันทั้งจังหวัด โดยตนได้ตกลงกันแนวกันไฟกับเจ้าของที่ดินที่อยู่กันคนละครึ่งโดยมีเสาหินปักอยู่ตรงกลางเพื่อให้รู้ว่าที่ดินของแต่ละคนอยู่แนวเขตใด ซึ่งที่ดินของตนที่กันเอาไว้เป็นแนวกันไฟอยู่ทางด้านตะวันตกในโฉนดเลขที่ 4762 รถที่เข้ามาบรรทุกอ้อยสามารถวิ่งสวนทางกันได้ ซึ่งสมัยนั้นก็ได้ตกลงกันแล้วโดยไม่มีปัญหาอะไร
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ช่างรังวัดได้นำหลักหินมาปักรุกเข้าในแปลงที่ดินบริเวณกันเป็นแนวป้องกันไฟฝั่งที่ดินของตนทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้คัดค้านไปแล้วว่า แต่ช่างรังวัดไม่ยอมรับฟัง อีกทั้งยังบอกว่าเป็นที่ครอบครองปรปักษ์ เคยรังวัดมาแล้วตั้งแต่ปี 2553 ทั้งๆ ที่ตนครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2543 และไม่เคยไปไหนเลย ที่สำคัญตนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเมื่อปี 2553 นั้นมารังวัดกันตอนไหน
จากการสอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้กฎหมาย ทราบว่า การครอบครองที่ดินปรปักษ์นั้น จะต้องได้รับคำสั่งจากศาลเท่านั้น เช่นที่ดินของวัดสวนแก้ว ที่มีคนขายให้กับพระพะยอม แต่ต่อมาเจ้าของที่ดินตัวจริงกลับมาจากต่างประเทศมารู้ความจริงเข้า จึงดำเนินการฟ้องร้องเพื่อขอที่ดินคืน สุดท้ายพระพะยอม ต้องแพ้คดี และในวันที่มีการพูดคุยอธิบายข้อเท็จจริงให้ช่างรังวัดฟัง แต่ช่างรังวัดที่ดินก็ไม่ยอมฟังโดยอ้างทำตามข้อกฎหมาย แถมยังบอกกับตนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกัน และขอให้ตนทำหน้าที่ชี้เขตที่ดินของตนเท่านั้นก็พอ เมื่อคุยกันดีๆไม่รู้เรื่อง ตนจึงจำเป็นต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าของแปลงที่ดิน และช่างรังวัดในข้อหาร่วมกันบุกรุก และข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ 157 ต่อเจ้าหน้าที่รังวัดรายดังกล่าวด้วย หลังจากนี้ก็ขอให้ไปสู้กันในชั้นศาลต่อไป