เพชรบุรี-โดนอีก…มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าโอด..!! ถูกร้องเรียนกลั่นแกล้งต่อเนื่อง วอนหน่วยงานรัฐอย่าเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดี ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย

เพชรบุรี-โดนอีก…มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าโอด..!! ถูกร้องเรียนกลั่นแกล้งต่อเนื่อง วอนหน่วยงานรัฐอย่าเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดี ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย

ภาพ-ข่าว:สุรพล นาคนคร

              พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 ดำเนินการสืบสวนกรณีมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบการถือครองพื้นที่ของมูลนิธิเพื่นสัตว์ป่า ท่ายาง ในพื้นที่หมู่ 6 และหมู่ 9 ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี อาจเข้าข่ายเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้มอบหมายให้ นายเทวา จุฬารี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 และคณะพนักงานสืบสวน ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาเพชรบุรี สำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาท่ายาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท่ายาง เทศบาลตำบลท่าไม้รวก สถานีตำรวจภูธรท่าไม้รวก กอ.รมน.จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ลงพื้นที่ในเขตตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อตรวจสอบการถือครองพื้นที่ของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อทราบข้อเท็จจริงและเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่าย
              โดยจากการสืบสวนในเบื้องต้นทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวบางส่วนอาจอยู่ในเขตป่าคุ้มครอง ป่าเขาลอย-บ้านโรงตามพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าเขาลอย-บ้านโรง ในท้องที่ตำบลท่าไม้รวกและตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2492 และในปี พ.ศ. 2514 ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2514 กำหนดให้เป็นป่าไม้ถาวร ป่าเขาลอย-บ้านโรง และต่อมาได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 990 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กำหนดให้ป่าชะอำ และป่าบ้านโรง ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง และตำบลเขาใหญ่ ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 DSI จะได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

               วันนี้ 2 พ.ย.2566 นายเทวา จุฬารี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ (DSI) เขตพื้นที่ 7 เผยว่า สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเข้าไปที่ DSI ว่ามีกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้าถือครองที่ดินป่าไม้ ลำห้วยและทางสาธารณะ ดังนั้นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จึงสั่งการให้มีการสืบสวน จึงอาศัยอำนาจการสืบสวนคดีพิเศษขออำนาจหมายค้นจากศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 939 /2566 ออกให้เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2566 โดยศาลจังหวัดเพชรบุรีเห็นสมควรให้ค้นสถานที่ ที่ดินซึ่งบริษัท ไวด์ไลฟ์ เฮฟเวน จำกัด ครอบครองทำประโยชน์ ตั้งอยู่ หมู่ 6 และหมู่ 9 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3 ก) รวมจำนวนทั้งสิ้น 3 แปลง รวมเนื้อที่ 74-7-60 ไร่ ได้แก่ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (ส.ส.3ก) เลขที่ 896(เลขที่ดิน 1) เนื้อที่ 29-1-30 ไร่ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) เลขที่ 898 (เลขที่ดิน 3) เนื้อที่ 16-3-60 ไร่ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 897 (เลขที่ดิน 2) เนื้อที่ 29-2-70 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ ที่ครอบครองทำประโยชน์ตามแผนที่สังเขปแนบท้าย ระหว่างวันที่1-2 พ.ย.2566

               เพื่อพบและยึดสิ่งของ กระทำการใดๆอันเป็นการทำลายป่า เข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 54 แห่ง พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และอาจเป็นการยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้งถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 14 แห่งพรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 อีกทั้งอาจเป็นการเข้าไปยึดถือครอบครองก่อสร้าง เผาป่า กระทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รวมทั้งหลักฐานอื่นที่ในในการกระทำความผิด และหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ประสานเพื่อสนธิกำลังบูรณาการกับหน่วยงานที่กี่ยวข้อง ในการเข้าไปตรวจสอบตำแหน่งและสถานะของที่ดินในพื้นที่ น.ส.3 กว่า 200 ไร่ ภายในที่ตั้งของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า โดยใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อประกอบการตรวจสอบจากทางอากาศ ประกอบด้วยบริเวณที่ก่อสร้างโรงแรมที่พักของบริษัทไวด์ไลฟ์ เฮฟเวน จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 6 และหมู่ 9 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
              ครั้งนี้จะเป็นการเข้าตรวจสอบเพื่อยืนยันตำแหน่งและสถานะของที่ดิน น.ส.3 ก กว่า 200 ไร่ ทั้ง 3 รายการ ตามที่ถูกร้องเรียน หากพบว่ามีการปิดกั้นเส้นทางสาธารณะประโยชน์อาจจะมีความผิดเข้าข่ายยึดถือครอบครอง ส่วนบริเวณสถานที่ตั้งจุดบริการที่พักหรือโรงแรม เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มอบหมาย ให้ฝ่ายปกครองอำเภอท่ายาง อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ ส่วนบริเวณจุดที่ถูกร้องเรียนว่า มีการเข้าไปแผ้วถางป่าและขุดถมลำห้วยสาธารณะ เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศบาลตำบลท่าไม่รวก อยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน หากพบว่าผลการตรวจสอบเข้าข่ายผิดกฎหมายข้อหนึ่งข้อใด จะไม่มีการยกเว้นอย่างเด็ดขาด นายเทวา จฬารี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 7 กล่าวในที่สุด

              ขณะที่นายเอ็ดวิน วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า พร้อมทนายส่วนตัว ได้ตำหนิการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ว่า มีการร้องเรียนกลั่นแกล้งกันหรือไม่ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราถูกร้องเรียนต่อเนื่องซึ่งแต่ละหน่วยทั้ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมป่าไม้ กอ.รมน. ฝ่ายปกครอง ก็เคยลงมาตรวจไปแล้ว 4 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ยกกำลังกันมามากมาย เราก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าเรามีเอกสารการครอบครอบการใช้ประโยชน์ในที่ดิน น.ส.3 ก โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน ถ้าเอกสารในการครอบครองที่ออกให้โดยนายอำเภอในขณะนั้น ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ออกให้โดยไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ความรู้ความชำนาญและความละเอียดรอบคอบ ในการตรวจสอบสภาพและที่ตั้งของที่ดินว่า เป็นที่ดินที่ต้องห้ามออก น.ส.3 ก ตามกฎหมายหรือไม่ กรมที่ดินก็ต้องไปตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอในขณะนั้นในการออก น.ส.3 ก ว่าถูกต้องหรือไม่ เราเป็นมูลนิธิฯที่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรม แต่เรามองว่า เราถูกกลั่นแกล้ง ทำแบบนี้อาจทำให้ชื่อเสียงของทางมูลนิธิเสียหายได้ ใครจะรับผิดชอบ ซึ่งทุกครั้งเราก็ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอดครับ และสี่ครั้งที่ผ่านมาก็สรุปว่า เอกสารการใช้ประโยชน์ที่เรานำมาแสดง ชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น เพราะออกให้โดยหน่วยงานของรัฐทั้งสิ้น เราไม่ได้เป็นผู้ออกเอกสารเอง จึงต้องขอความเป็นธรรมหากมีการกลั่นแกล้งเพื่อให้ทางมูลนิธิฯเสียชื่อเสียงด้วย

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!