สุพรรณบุรี-โจรใจบาปบุกขโมยอุ้มตู้บริจาควัดดัง
ภาพ/ข่าว:มงคล สว่างศรี / ภัทรพล พรมพัก
ที่วัดเถรพลาย ตำบลวังน้ำซับ อำเภอศรีประจันต์ ได้ เกิดเหตุคนร้าย เข้ามาขโมยตู้เซฟบริจาคเงิน ที่วิหารไม้สัก หน้าหลวงพ่อสีชมพู ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อนเคยมีคนร้ายมาก่อเหตุลักทรัพย์ ทั้งโทรศัพท์ และตู้บริจาค หน้าวิหารหลวงพ่อดำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ติดกับวิหารไม้สักของหลวงพ่อสีชมพู ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ ภายในวัดบริเวณหน้าวิหาร หลวงพ่อสีชมพู เหลือเพียงรอยวางตู้เซฟ ส่วนตู้เซฟหายไป เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าช่วงเวลาประมาณ 02.15 ของวันที่ 1 ธ.ค.66 มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนเดินเข้ามาทำการลักตู้เซฟ โดยช่วยกันอุ้มลงไปจากวิหารอย่างหน้าตาเฉยแบบไม่เกรงกลัวใครจะมาพบเห็น ซึ่งตู้เซฟที่หายไป มีขนาดความสูงประมาณ 51 ซม. กว้าง 40 ซม.มีน้ำหนักตู้เปล่า 51 กก. แต่คนร้ายซึ่งเป็นชาย 2 คนช่วยกันอุ้มลงไปโดยผ่านหน้าวิหารหลวงพ่อดำซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิด
สอบถาม นางสำรวม สารใจ อายุ 58 ปี คนดูแลวิหารหลวงพ่อสีชมพูและวิหารหลวงพ่อดำ เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 7.00 น. ตนมาทำความสะอาดที่วิหารตามปกติ ขณะกำลังกวาดพื้นอยู่สายตาก็สังเกตบริเวณที่ตั้งตู้บริจาค พบว่าตู้บริจาคหายไป นึกว่าพระครูพิสุทธิรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาส เก็บไป จึงสอบถามหลวงพ่อ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้เก็บไป สงสัยจะถูกคนร้ายมาลักไป จึงเปิดกล้องวงจรปิดดูก็พบว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คนมาอุ้มไปแบบหน้าตาเฉย ซึ่งในตู้บริจาคคาดคาดว่าจะมีเงินทำบุญอยู่จำนวนมาก เนื่องจากไม่ได้เปิดตู้บริจาคมาหลายวัน โดยปกติจะเปิดตู้สัปดาห์ละครั้งทุกวันอาทิตย์ ล่าสุดเปิดตู้เมื่อวันที่ 26 พ.ย.และ วันที่ 27 พ.ย.ที่วัดได้มีงานทอดกฐิน มีคนมาร่วมทำบุญเยอะ แต่ยังเนื่องจากยังไม่ครบกำหนดเปิด จึงไม่ได้เปิดตู้และไม่ได้เก็บ คาดว่าคนร้ายน่าจะได้เงินไปเยอะ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่วัดเคยมีคนร้ายเข้ามาลักโทรศัพท์ ลักตู้บริจาคที่วิหารหลวงพ่อดำ และครั้งนี้มาอุ้มตู้เซฟไป อีก จึงอยากฝากตำรวจช่วยเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะที่ผ่านมายัง จับคนร้ายไม่เคยได้เลย
ทางด้านพระครูพิสุทธิรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาส กล่าวว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ ควรละอายต่อบาปกรรม ถ้าใครมีเบาะแสคนร้ายช่วยแจ้ง 191 ให้ตำรวจจับคนร้ายมาดำเนินคดี จะได้ไม่ไปก่อเหตุที่อื่นอีกและคนร้ายน่าจะรู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดีเพราะการเข้าออก คนร้ายไม่ได้ผ่านกล้องวงจรปิดซึ่งในวัดมีอยู่หลายจุด แต่มีเพียงจุดเดียวที่จับภาพได้คือที่วิหารหลวงพ่อสีชมพู