ขอนแก่น-สืบภาค 4 บุกจับโจรเมืองอุดรฯ ตระเวนย่องเบาฉกทรัพย์เหยื่อใน ร.พ.เลย สารคาม ขอนแก่น
ภาพ/ข่าว:พฤตินัย มั่งสวัสดิ์
ที่กองบังคับการสืบสวนภาค 4 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.วิโรจน์ สีน้ำเงิน รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผบก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.นุติ ศักดิ์สุภาพ ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 ,พ.ต.ท.ประวีณ วงษ์ปัญญา รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ฐิติกร มัชมณฑล สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 ,พ.ต.ท.อาจหาญ แสงสงคราม สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ สุดชาลี สว.ปรก.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา คดีลักทรัพย์รายสำคัญก่อเหตุทั่วภาคอีสาน คือ นายอดุลย์ หรือเพชร ขอสงวนนามสกุล อายุ 52 ปี ชาวอุดรธานี ข้อหา “ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ”พร้อมของกลาง 1.สร้อยคอทองคำลายโซ่ หลวงพ่อรวยเลี่ยมทอง น้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น 2. สร้อยคอทองคำลายโซ่ น้ำหนัก 1 บาท 3. แหวนทองคำรูปดอกไม้ น้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 1 เส้น 4. แหวนทองคำ รูปหัวใจ น้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 1 เส้น 5.สร้อยข้อมือลายธรรมชาติ มีจี้รูปหัวใจ น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น 6. กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ Chanel จำนวน 1 ใบ 7. นาฬิกา Casio จำนวน 2 เรือน 8. เงินสด จำนวน 17,590 บาท รวมมูลค่าประมาณ 300,000 บาท
พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 02.00 – 05.00 น.วันที่ 21 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 02.00-05.00 น. ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์บริเวณจุดพักญาติผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลเมืองเลย ผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์ ประมาณ 300,000 บาทและจากการสืบสวน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบว่าคนร้าย ทราบชื่อภายหลังว่าเป็นนายอดุลย์ฯ ได้ออกจากที่เกิดเหตุและหลบหนีมาอาศัยอยู่กับ ภรรยาชื่อ น.ส.ลำดวน (สงวนนามสกุล) ที่ ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนภาค4 ประสานงานกับ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ,พ.ต.อ.โสณกุญช์ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก, พ.ต.ท.นาวิน อุ่นใจชน รอง ผกก.สส.สภ.ห้วยเม็ก นำกำลังร่วมกันสืบสวนจับกุม โดยแกะรอยไปจับกุมตัวนายอดุลย์ฯ ได้ภายในบริเวณโรงเรียนปะโอประชาอุทิศ ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางที่ผู้ต้องหาได้ลักทรัพย์มาจากผู้เสียหาย ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาประมาณ 8 ครั้ง ในโรงพยาบาลเมืองเลย จำนวน 4 ครั้ง 1.วันที่ 28 พ.ย.64 2. วันที่ 2 พ.ค. 65 3.วันที่ 2 เม.ย.66 และ4. วันที่ 21 ธ.ค. 66 โรงพยาบาลขอนแก่น 1 ครั้ง วันที่ 20 ก.พ. 66 โรงพยาบาลน้ำพอง1 ครั้ง วันที่ 7 ธ.ค.66 โรงพยาบาลกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม วันที่ 5 ธ.ค. 66 โรงพยาบาลเชียงยืน จ.มหาสารคาม วันที่ 9 ธ.ค.66
พ.ต.ท.ประวีณ วงษ์ปัญญา รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ผู้ต้องหา ผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์หรือตกหล่นจากการสำรวจแต่ไม่ยอมไปรายงานตัวเพื่อลงทะเบียน จึงทำให้ไม่มีบัตรประชาชนและไม่มีข้อมูลในสาระบบของราชการ ทำให้ผู้ต้องหา มีความได้เปรียบในการหลีกเลี่ยงในการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ติดตามตัวได้ยาก และผู้ต้องหาจะเลือกสถานที่ก่อเหตุโดยส่วนมากจะเป็นโรงพยาบาล จากนั้นจะคอยสอดส่องหาเหยื่อที่พอจะมีทรัพย์สิน โดยเฉพาะจุดที่เป็นบริเวณที่พักญาติผู้ป่วย เมื่อได้เหยื่อแล้วจะคอยเฝ้าดูเหยื่อจนเหยื่อเผลอหลับหรือเผลอทิ้งทรัพย์สินไว้ จากนั้นก็จะแอบย่องเข้าไปขโมยทรัพย์สินของเหยื่อแล้วหลบหนี เช่นเดียวกับผู้เสียหายรายล่าสุด ที่โรงพยาบาลเลย ก็จะใช้วิธีนี้ในการก่อเหตุเช่นเดียวกัน ได้ทรัพย์สินไป ประมาณ 300,000 บาท จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป