สุพรรณบุรี-มูลนิธิบรรหาร แจ่มใส ศิลปอาชา ทำบุญครบรอบ 7 วันเหตุพลุระเบิด
ภาพ/ข่าว:มงคล สว่างศรี / ภัทรพล พรมพัก / นพดล แก้วเรือง
ที่จังหวัดสุพรรณบุรี นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิบรรหาร แจ่มใส ศิลปอาชา เป็นประธานพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพล ปิ่นโตแด่พระสงฆ์ 10 รูปในโอกาสครบ 7 วันเหตุการณ์พลุระเบิด ให้ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตเหตุการณ์พลุระเบิด ทั้ง 23 ราย โดยมี นายนิกร จำนงค์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวง พม. , นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และญาติผู้เสียชีวิต ร่วมพิธี
การจัดพิธีทำบุญครบรอบ7วันเหตุการณ์พลุระเบิดในครั้งนี้ได้นิมนต์พระสงฆ์ที่เป็นพระเกจิชื่อดังจำนวน 10 รูป โดยมีการโยงสายสิญจน์ จากที่เกิดเหตุยาวกว่า300เมตร มีญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย เข้าร่วมพิธีทำบุญในครั้งนี้ ก่อนที่พระสงฆ์จะประกอบพิธีทางศาสนา ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 23 รายได้ยกถาดอาหารคาวหวานผลไม้ น้ำดื่มจำนวน 23 ชุด ไปทำพิธีจุดธูปบอกเล่าให้กับดวงวิญญาณผู้ที่ล่วงลับในที่เกิดเหตุให้มาร่วมฟังพระสวดและมารับส่วนบุญที่ญาติอุทิศไปให้ ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตบางรายถึงกับทำใจไม่ได้ร้องไห้โศกเศร้าด้วยความเสียใจผู้สื่อข่าวได้เดินสำรวจบริเวณที่เกิดเหตุมีพื้นที่ประมาน 1 ไร่ จะเห็นสภาพความเสียหายพังยับเยิน มีรถจักรยานยนต์พังเสียหายนับ 10 คัน รถยนต์กระบะ1คัน และเศษหลังเหล็กหลังคาโครงเหล็กกระจัดกระจาย หลังจากเสร็จพิธีทำบุญ นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิบรรหาร ได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบผู้เสียชีวิต 11 ครอบครัว 23 ราย โดยมูลนิธิบรรหาร แจ่มใสฯ ครอบครัวละ 20,000.บาท และ มอบทุนการศึกษาให้เด็กๆ ทั้ง 4 คนที่พ่อแม่เสียชีวิต และ และยัง ได้มอบจักรยานให้แก่บุตรผู้ ประสบภัยที่สูญเสียพ่อและแม่ซึ่งอยู่กับคุณตาผู้พิการอีกด้วย ซึ่งตลอดเวลาหลังเกิดเหตุสลด จะมีสายธารน้ำใจจากพี่น้องทั้งหน่วยราชการ เอกชน แลพประชาชนทุกภาคส่วน ส่งน้ำใจมาช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยไม่ขาดสาย โดยเฉพาะทางร้านบุญรอดการช่าง ได้นำญาติพี่น้องมาออกโรงทานเลี้ยงญาติผู้ประสบเหตุ และผู้มาช่วยงานทุกท่านตั้งแต่คืนแรก จนวันทำบุญ ทุกวัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยพลุระเบิดในครั้งนี้
นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิบรรหาร แจ่มใส ศิลปอาชา กล่าวว่า ทางเราได้ช่วยเหลือเรื่องเงินและเรื่องทุนการศึกษาของเด็กเยาวชนที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน อย่างบางครอบครัว แม่เด็กเสียชีวิต เหลือแต่น้า ซึ่งน้าก็มีลูกอีก 2 คนซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน แล้วก็อยู่กับตายายซึ่ง ตาก็พิการ ยายก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งเคสนี้เป็นครอบครัวที่น่าสงสารมา กเดี๋ยวก็จะดูว่าครอบครัวนี้นอกจากเรื่องทุนการศึกษาและเงินที่ให้ไปเบื้องต้นแล้ว จะช่วยอะไรเพิ่มเติมได้บ้างเพราะน้าก็ทำแค่อาชีพขายของเล็กๆน้อยๆและต้องดูแลเด็กๆ ที่ต้องอยู่ในวัย ที่กำลังเติบโตถึง 3 คน และต้องดูแลผู้สูงอายุอีก 2 คน ซึ่งหนักพอสมควร ครอบครัวนี้น่าเห็นใจมาก เดี๋ยวจะต้องดูเป็นพิเศษ ก็คือจะดูครอบครัวที่ลำบากมากและมีปัญหาซ้ำซ้อน และเดี๋ยวคงต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแล เพราะในพื้นพื้นที่สุพรรณบุรียังมีโรงงานลักษณะแบบนี้อีกประมาณ 8 ถึง 9 แห่ง ที่ทราบมา ต้องเข้มแข็ง ต้องดูเรื่องความปลอดภัยให้เข้มแข็ง เพราะทราบว่าโรงงานทั้งหลายนี้จะต่ออายุกันทุกปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าตรวจดูอุปกรณ์และมาตรการความปลอดภัยอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ซึ่งก็ต้องฝากทางท่านผู้ว่าฯ ด้วย ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่เฉพาะในสุพรรณฯ ในทุกพื้นที่ของจังหวัดทั่วประเทศ เราก็ไม่อยากจะเห็นโศกนาฏกรรมแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเคยเกิดมาแล้วและอยากให้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะมีการสูญเสียทีก็เยอะมาก ก็คงต้องฝากท่านผู้ว่าฯทุกจังหวัด ที่มีโรงงานทำนองนี้ที่มีสารวัตถุอันตรายที่มีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุได้จะต้องระมัดระวังมากขึ้น
่ ทางด้านนายสมจิตร กุลวงษ์ อายุ 67 ปี อบต.ม .5ตำบลศาลาขาว ได้ไปยืนที่เกิดเหตุแล้วยกมือไหว้บอกกล่าวดวงวิญาณผู้เสียชีวิตจำนวน 23 ราย ให้มารั่วมฟังพระสวดเพื่อรับบุญกุศล และขอให้ดวงวิญญาณทุกดวงพ้นทุกข์ไปสู่สุขติไปอยู่ในภพภูมิที่ดี