นครปฐม-นายกสมาคมไวยาวัจกร..เดือด..!!สำนักพุทธฯไม่แจ้งความจับ”พระปลอม.. ย้ำไม่ทำหน้าที่จะแจ้งผิดเจ้าหน้าที่ด้วย
ภาพ-ข่าว:คัคเนศวร์ พรอัศวโยธิน
บ.ก.อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
“ทนายพจน์”เข้าพบหลวงพี่น้ำฝนขอข้อมูลกรณีจับพระหลวงตาปลอมเป็นพระ แต่ทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมไม่ยอมเป็นเจ้าภาพในการแจ้งความกล่าวโทษเอาความผิดมีเพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เดินหน้าแจ้งความเองในฐานะประชาชน ย้ำจากนี้ถ้าสำนักพุทธฯไม่แก้ปัญหาจริงจังจะมีการพิจารณาแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เพื่อสอบถามข้อมูลกรณีกรณีจับกุม ชายแต่งกายเลียนแบบพระ หรือหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ไม่ได้มีการดำเนินการในการแจ้งความเอาความผิดกรณี แต่งกายคล้ายพระและปลอมแปลง ต่อเติมเอกสารหนังสือสูจิบัตร โดยอ้างว่าเป็นเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งคณะสงฆ์ได้มีการมอบมอบหมายให้ดำเนินการเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ไปแล้วเมื่อวานนี้
โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้มีการให้ข้อมูลถึงการจับกุมและดำเนินการในฐานะ พระวิยาธิการ หรือตำรวจพระ ในพื้นที่สังกัดคณะสงฆ์ภาค 14 ซึ่งปรากฏเป็นข่าวบนหน้าสื่อ หลังจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีพระสงฆ์ได้ออกปฏิบัติปฏิบัติกิจบิณฑบาต แต่อาศัยอยู่บ้านเรือน นานเป็นแรมปี ซึ่งได้มีการจับกุมและทำการสึกไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้ติดตามพบตัวว่ามีการสวมจีวรและยังคงออกบิณฑบาตอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองนครปฐมจึงได้ทำการจับกุมตัวและได้นิมนต์เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. เมืองนครปฐม และตัวแทนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้ระบุว่าหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮมไม่ได้เป็นพระแล้วและมีการแต่งกายเลียนแบบพระ รวมถึงตรวจสอบหนังสือสูจิบัตรแล้วมีการปลอมแปลงเพิ่มเติมซึ่งผิดจากเอกสารปกติที่ออกโดยหน่วยงาน ซึ่งคณะส่งทั้งหมดได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมเป็นตัวแทนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเอาความผิดในสองข้อหาเมื่อวานนี้ จนเป็น ข่าวที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หลังจากหารือเสร็จ นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เจ้าของคดีเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระและปลอมแปลงต่อเติมเอกสารราชการ และได้กล่าวว่าวันนี้ตนเองได้ทราบจากข่าวที่ปรากฏขึ้นหลายวันสำหรับกรณีของหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม ซึ่งทราบแล้วว่าเป็น การกระทำความผิดต่อเนื่องยาวนานและที่สำคัญมีหลายจังหวัดและอีกมากที่ยังมีการปฏิบัติเช่นนี้ โดยในจังหวัดหนึ่งมีการอยู่กันเป็นชุมชนโดยการใช้ชีวิตปกติแต่ช่วงเช้าจะมีการ สวมจีวรออกบิณฑบาต เรี่ยรายเงินตามสถานที่ ทั่วไปหลังเสร็จกิจก็จะมีการกลับมาสวมชุดปกติและใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานและไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะจับแล้วก็มีการปล่อยตัวออกมาเนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบกลับไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และเป็นผลเสียกับพระพุทธศาสนา
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า วันนี้ผมได้เข้ามาตรวจตรวจสอบดูข้อมูลแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังมีเพียงการไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น จึงไม่สามารถที่จะดำเนินการในการเอาผิดกับหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮมได้อย่างเต็มที่ เพราะเท่าที่ดูจากข้อมูลในการติดตามทราบว่าเคสนี้เคยมีการจับกุมมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ยังมีการออกมาเดินบิณฑบาตและมีการออกปฏิบัติกิจนิมนต์อยู่อย่างต่อเนื่อง ถามว่ากรณีแบบนี้สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมปล่อยปลาได้อย่างไร จะอ้างว่าเป็นธุระไม่ใช่ก็ไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ผมเห็นแล้วในฐานะประชาชนจึงจำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ซึ่งไม่ได้รับมอบหมายแต่ทำในฐานะประชาชนจึงต้องออกดำเนินการแจ้งความกล่าวทุกข์กล่าวโทษด้วยตัวเองเพราะหากไม่ทำก็จะเกิดความเสียหายวงกว้างและแก้ไขปัญหาไม่ได้ ปามไม่ให้จังหวัดอื่นออกมาทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง
“ในมุมของผมมองเห็นว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทั่วประเทศรวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต้องเป็นแม่งานในการออกทำงานแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงหากปล่อยเอาไว้ปัญหาซ้ำๆเดิมๆเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นต่อไปไม่จบ และต่อจากนี้ไปหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกและสำนักงานพระพุทธศาสนาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการอาจจะต้องมีการพิจารณาในการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานนี้ด้วยเพื่อที่จะให้มีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังซึ่งกรณีนี้จะเป็นกรณีแรกที่จะมีการดำเนินการอย่างจริงจังโดยประชาชน” นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวปิดท้าย