เชียงใหม่-สถานการณ์ไฟป่าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงเริ่มคลี่คลาย..!!
ภาพ-ข่าว:ศูนย์ข่าวจังหวัดเชียงใหม่
ด้านจังหวัดเชียงใหม่ระดมพลตรึงกังเฝ้าผืนป่าอย่างเข้มข้น พร้อมเร่งหาอาชีพทดแทนให้แก่ผู้หาของป่ากว่า 4 พันคน ป้องกันการลักลอบเผาป่า
วันนี้ (28 ก.พ. 67) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์และแนวทางการรับมือกับหมอกควันไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึง สถานการณ์การเผาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ได้บูรณาการประกอบกำลังกับทุกหน่วยเข้ามาควบคุมการเผาให้ลดลงมากที่สุด ปัจจุบันจุดความร้อนลดลงไปกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ขึ้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง แต่พื้นที่ดังกล่าวก็มีจุดความร้อนลดลง โดยสถานการณ์ที่เกิดไฟไหม้ติดต่อกันนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงนั้นเนื่องจาก มีพื้นที่เป็นป่าเต็งรังขนาดใหญ่กว่า 3-4 แสนไร่ พอถึงฤดูแล้ง ต้นไม้ในป่าจะผลัดใบทำให้ใบไม้แห้งกรอบและเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการบริหารจัดการเชื้อเพลิงทั้งการชิงเผา ควบคุมการเผา และป้องกันการลักลอบการเผาให้ดีที่สุด แต่เกิดขึ้นหลายจุดโดยเฉพาะในพื้นที่หน้าผาลาดชัน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว
ส่วนแนวทางการตั้งรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นเดือนที่น่าจะมีความรุนแรง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า การรับมือกับสถานการณ์หมอกควันไฟป่าที่ดีที่สุดคือคนในจังหวัดต้องไม่เผา หากมีกระแสลมจากเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกหรือพื้นที่ฝั่งใกล้เคียงทางตอนใต้เข้ามาก็จะทำให้บริหารจัดการได้ง่ายกว่า และคลี่คลายได้ง่ายกว่า ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่มีฐานบินฝนหลวงอยู่ในพื้นที่สามารถขึ้นปฏิบัติการได้ในทุกวัน ทั้งในวันที่ความชื้นเพียงพอสามารถทำฝนหลวงได้ ส่วนวันที่ความชื้นไม่เพียงพอก็ยังสามารถปฏิบัติการเจาะช่องชั้นบรรยากาศให้ฝุ่นพัดกระจายขึ้นชั้นบรรยากาศด้านบนเพื่อให้เกิดลมที่แรงขึ้นพัดฝุ่นออกไป โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้เลือกใช้วิธีดังกล่าวมาโดยตลอดทำให้ค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการกับกลุ่มคนที่ท้าทาย ไม่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งได้เสนอทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนผู้ที่มีอาชีพหาของป่า โดยได้มอบหมายให้สำนักงานรายงานจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับอำเภอทุกอำเภอ ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจร่วมกับชาวบ้านและจัดหางานให้ผู้ที่มีอาชีพเข้าป่า หาของป่าทำในช่วงนี้ โดยมีรายได้ไม่ต่างจากอาชีพเดิม ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อทั้งหมดทั่วจังหวัดแล้วมีจำนวนกว่า 4,000 คน และจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด
ด้าน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ พบว่า จุดความร้อนลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาถือว่าสถานการณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งต้องชื่นชมทีมจังหวัดเชียงใหม่ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดี แต่ช่วงนี้ที่ยังเห็นมีหมอกควันเจือจางอยู่ในพื้นที่ก็มีสาเหตุมาจากการที่มีลมพัดมาจากทางโซนใต้และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้หมอกควันมาตกค้างอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกกระทะ แต่ยังมีทัศนวิสัยที่ดี ซึ่งคาดว่าอีก 2-3 วันข้างหน้าสภาพอากาศจะดีขึ้น
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ไฟป่าที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประกอบกับประชาชนบางส่วนยังไม่มีความเข้าใจและยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือ จากนี้ไปก็จะต้องเน้นย้ำในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น ซึ่งกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ส่งกองกำลังหน่วยงานในสังกัด บูรณาการร่วมกับทหาร ตำรวจ ตรึงกำลังกระจายเฝ้าระวังอยู่ตามพื้นที่ป่า และได้ปิดอุทยานหลายแห่งไม่ให้เข้าพื้นที่ป่า ขณะเดียวกันได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับประเทศกัมพูชาเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนร่วมกัน