ประจวบคีรีขันธ์-อส.ทับสะแกเผยชนวนเหตุถูกสั่งย้ายคาดเกิดจากกดถูกใจโพสต์ของเพื่อนซึ่งเป็นคู่ปรับปลัดอำเภอ
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
วันที่ 1 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายหมู่โท ธนพล พิพัฒน์รัชตกุล หรือ อส.แดง เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน อำเภอทับสะแก ตำแหน่งลูกแถว อุ้มนางท็อป อยู่คง อายุ 91 ปี ซึ่งเป็นมารดา เข้าร้องเรียนยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ที่ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ และ ยื่นหนังสือกับ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกปลัดอำเภอทับสะแกสั่งย้าย โดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งทำให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจาก ต้องดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง และ ลูกน้อยอีก 2 คน ซึ่งกำลังเรียนหนังสืออีกทั้งเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปฏิบัติงานที่ศาลากลางจังหวัด ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากค่าตอบแทน อส.ได้รับเพียง 13,000 บาท เท่านั้น จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมขอย้ายกลับไปอยู่ที่เดิม และขอให้ย้ายปลัดอำเภอคนดังกล่าวไปอยู่ที่อื่นแทน ตามที่ผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้นเมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทาง ลงพื้นที่อำเภอทับสะแก โดยเดินทางไปที่ บ้านเลขที่ 12 หมู่ 4 บ้านพุตะแบก ตำบลเขาล้าน อำเภอทับสะแก ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนพุตะแบก ซึ่งเป็นบ้านพักของ อส.แดง ได้พบกับ อส.แดง และภรรยา ซึ่งกำลังดูแล ปรนนิบัติ นางท็อป อยู่คง วัย 91 ปี ผู้เป็นมารดาซึ่งป่วยติดเตียงอยู่ โดยในวันนี้ อส.แดงไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการเนื่องจากผู้บังคับบัญชาให้ลาหยุดพักผ่อนเป็นเวลา 5 วัน เพื่อดูแลมารดาและครอบครัว ในระหว่างดำเนินการเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดย อส.แดง ได้พาผู้สื่อข่าวดูสภาพความเป็นอยู่ของมารดาและสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวตัวเองว่า มีมารดาที่ป่วยติดเตียงจริงหรือไม่ อีกทั้ง บอกเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ โดย อส.แดงเปิดเผยว่า ตนเองประกอบอาชีพหลักคือเป็นเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งสิ้น 13,000 บาท ซึ่งทำ หน้าที่ อส.มาได้ 8 ปีในระหว่างนี้ได้ประกอบอาชีพทำการเกษตรปลูกพืชผักสวนครัวแบบผสมผสานนำไปขายเป็นรายได้เสริม นอกจากนี้ช่วงเวลาว่างยังออกไปหาเก็บขยะของเก่าขวดพลาสติกไปขาย เพื่อแลกเงินมาเป็นรายได้เลี้ยงดูจุจเจือครอบครัว หากต้องถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศาลากลางจังหวัดก็จะทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถดูแลปรนนิบัติมารดา ที่ป่วยติดเตียงได้ เช่น อาการปวดท้อง ตอนกลางคืนต้องพาเข้าโรงพยาบาล และกิจวัตรอื่นๆ อีกทั้ง ต้องทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่ม เงินเดือนก็มีน้อยอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่ตนถูกย้ายตนเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าถูกย้ายด้วยเรื่องอะไรแต่เมื่อเพื่อน อส.ไปสอบถาม ก็ได้รับคำตอบว่าเกี่ยวอะไรอยากรู้ก็ไปสอบถามเจ้าตัวเอาเอง รู้ดีอยู่แก่ใจ โดยส่วนตัวตนเองคาดว่าชนวนเหตุถูกสั่งย้ายน่าจะเกิดจากตนไปกดถูกใจเพื่อนที่โพสต์ในห้องข่าวเพจ facebook ว่าการทำงานไม่จำเป็นต้องมาถ่ายภาพ สร้างภาพ ให้เน้นเอางานมากกว่า การถ่ายภาพ ตนเห็นว่าเพื่อนโพสต์ถูกใจ พูดตรงดีจึงได้กดถูกใจ จากนั้นจึงมี ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาบอกว่าปลัดไม่พอใจ จึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตนถูกสั่งย้าย ซึ่งตนเองมีความรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม โดยเป้าประสงค์ในการร้องขอความเป็นธรรมต้องการให้ย้ายกลับมาอยู่ที่อำเภอทับสะแกเหมือนเดิม เนื่องจากต้องดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียงและขอให้ย้ายปลัดคนดังกล่าวออกจากพื้นที่เนื่องจากหากยังอยู่ในพื้นที่คงจะทำงานร่วมกันได้ยากลำบาก
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาขอพบนายอำเภอ และปลัดอำเภอคนดังกล่าว ปรากฏว่าไม่พบปลัดอำเภอคนที่สั่งย้ายเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ส่วนนายอำเภอติด ภารกิจประชุมด่วนไม่สามารถให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวได้ โดยมีรายงานจากแหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงของอำเภอระบุว่าขั้นตอนการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ปลัดอำเภอผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะเป็นคนยื่นเรื่องเสนอผ่านเป็นขั้นตอนโดยให้ ปลัดอาวุโสพิจารณาเห็นชอบ จากนั้นจึงส่งเรื่องให้นายอำเภอเป็นผู้อนุมัติ ส่วนการสั่งย้ายโดยมีความผิดจะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อนจึงจะสั่งย้ายได้