ปราจีนบุรี-ผบ.มทบ.12 ส่งพลทหารที่ดิ่งจากโรงนอนชั้น 2 ในค่ายทหารปราจีนฯ ไปรักษาอาการต่อด่วนที่ รพ.พระมงกุฏเกล้า

ปราจีนบุรี-ผบ.มทบ.12 ส่งพลทหารที่ดิ่งจากโรงนอนชั้น 2 ในค่ายทหารปราจีนฯ ไปรักษาอาการต่อด่วนที่ รพ.พระมงกุฏเกล้า

ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

          เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (22 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้ากรณีมีการแชร์สนั่นโลกโซเชียล เมื่อพลทหารฯน้องเต (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากน้องสาว ระบุ ถูกรุ่นพี่ในค่ายทหารฯรังแก แต่ยังไม่ทันได้เจอหน้าพูดคุย พี่ชายตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดจากอาคารนอน ขั้น 2 ตกลงมาพื้นหน้ากองร้อยอาการสาหัส อันเป็นแชทข้อความที่น้องสาวของพลทหาร อายุ 23 ปี นำมาโพสต์ มีข้อความลักษณะขอความช่วยเหลือ ว่าพี่โดนทุกคนกด ช่วยพี่ด้วย สั่นกลัวไปหมดแล้วตอนนี้ น้องสาวถามว่า เขาทำอะไร บอกจ่าได้ไหม พี่ชายตอบกลับมาว่า ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย เป็นแชทข้อความที่ส่งมาหาน้องสาวช่วงเวลา 14.39 น. วานนี้ 21 มี.ค.67 หลังจากนั้น เวลา 17.32 น. ห่างกันประมาณ 3 ชั่วโมง พี่ชายส่งข้อความบอกน้องสาวว่า ขอแค่เชื่อใจ เขารู้ว่าพี่พิมพ์อยู่ แค่ไม่รู้ว่าพิมพ์อะไร จากนั้นก็ส่งรูปถ่ายหน้าของตัวเองมาให้น้องสาว และนั่นเป็นข้อความสุดท้าย จากการสอบถามไปที่น้องสาวถึงรู้ว่า พี่ชายเป็นพลทหารฯ ที่กองพันสารวัตรทหารที่ 12 ค่ายจักรพงษ์ ต.ดงพระราม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ให้ข้อมูลว่า พี่ชายแช็ตมาขอความช่วยเหลือ เวลาประมาณ 20.00 น. ครอบครัวถึงทราบข่าวว่าพี่ชายกระโดดลงมาจากอาคารนอนได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ แพทย์ต้องทำ CPR และใส่เครื่องช่วยหายใจ ยังต้องดูอาการในห้อง ICU ตอนนี้ ทั้งครอบครัวยังเฝ้าดูอาการ และ ติดใจในเรื่องนี้ แม้ว่าหลังเกิดเหตุจะมีนายทหารมายืนยันว่า พี่ชายกระโดดลงมาเอง และ ยังย้อนถามด้วยว่า ที่บ้านมีปัญหาครอบครัวหรือไม่ ตามที่นำเสนอรายละเอียดไปแล้วก่อนหน้านี้ นั้น
          พล.ต.ไพรัช แก้วศรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 (ผบ.มทบ.12) ได้เปิดห้องรักษาผู้ป่วยทางศัลยกรรมหน้าห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.ค่ายจักรพงษ์ ให้การต้อนรับพ่อ แม่ น้องสาวของพลทหารฯ “น้องเต” (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ที่บาดเจ็บสาหัสยังไม่รู้สึกตัวกำลังรักษาอาการ ใส่เครื่องช่วยหายใจ ยังต้องดูอาการในห้อง ICU. ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน พร้อมชี้แจง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ และ มีไฟล์วงจรปิดเหตุการณ์ช่วงน้องพลทหาร โดดจากระเบียง หน้าโรงนอนพลทหาร ชั้น 2 ลงมาพื้นซีเมนต์ด้านล่าง ความสูงราว 8 เมตรเศษ มีพลทหารสังกัดเหล่าสารวัตรทหารประมาณ 30 นาย , รายงานแจ้งผลการตรวจเลือดของพลทหารฯ “น้องเต” (นามสมมุติ) ของทาง รพ.ค่ายจักรพงษ์ ให้กับทางครอบครัว โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง ใช้เวลานานกว่า 30 นาที จากนั้นออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่รอทำข่าวด้วยความสนใจของประชาชาชน
          พล.ต.ไพรัช กล่าวว่า จากเหตุการณ์สันนิษฐาน ไว้ 3 ประเด็น คือ 1.สาเหตุมาจากความกดดันของงาน 2. สาเหตุภาวะป่วย และ 3 สาเหตุครอบครัว ทางหน่วย ขอแสดงความเสียใจ ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บ เป็นน้องคนเล็กของหน่วยฯ (ทหารใหม่ผลัด 2 ปี 2566) เพิ่งกลับมาจากพักผ่อนที่บ้านเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 67 ได้ให้ญาติ ดูกล้องวงจรปิดไปแล้ว เพื่อให้ได้ความยุติธรรม ความสบายใจ พร้อมแนะนำให้ พ่อ – แม่ ร้องทุกข์ ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี มีคำสั่งมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) ทำการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุดเพื่อให้ญาติสบายใจ และ ให้การดูแลรักษาอาการนำส่งต่อ รพ.พระมงกุฎ กรุงเทพฯทันที พล.ต.ไพรัช กล่าว
          ต่อมาเวลา 16.00 น. ทางครอบครัว ประกอบด้วยพ่อ แม่ น้องสาว และ ญาติของพลทหารฯ “น้องเต” (นามสมมุติ) ได้มาลงบันทึกแจ้งความที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี พร้อมมีนายทหารรัฐธรรมนูญที่ดูด้านคดีความทางทหารร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุดเวลา 17.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ,ครอบครัว – ญาติ ของพลทหารฯ “น้องเต” (นามสมมุติ) ได้เดินทางมาที่อาคารโรงนอนทหารของกองพันสารวัตรทหารที่ 12 นำมาชี้ให้ดูจุดที่น้องเต้ปีนขึ้นบนราวระเบียงหน้าอาคาร ก่อนโดดลงมาชั้นที่ 1 ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารยศร้อยเอกได้มาสอบถามบัตรนักข่าว และไม่อนุญาตให้ตามไปถ่ายภาพด้วย ให้ถ่ายได้ด้านนอก โดยผู้สื่อข่าวได้แจ้ง มารู้ข่าวเร่งด่วนเมื่อมาทำแผลห้องทำแผล รพ.จึงเป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้พกบัตรสื่อมวลชน หลังถ่ายภาพเสร็จได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งให้ไปได้แล้ว ทั้งนี้ก่อนการมาถ่ายสถานที่เกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวได้แจ้งให้ทางทหาร โดยเฉพาะกับทาง พล.ต.ไพรัช แก้วศรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 (ผบ.มทบ.12) ขณะที่ท่านกำลังส่งพลทหารฯขึ้นรถฉุกเฉินเพื่อไปรักษาอาการต่อด่วน ที่ รพ.พระมงกุฏเกล้า กรุงเทพฯ ได้ทราบแล้ว และได้รับการอนุญาตด้วยวาจา โดยให้ทางผู้สื่อข่าวให้แจ้งกับทางสิบเวรฯหน่วยทหารทราบด้วยก่อน ซึ่งทางผู้สื่อข่าวได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และแจ้งให้ทราบอดีตก็เคยเป็นทหารมาก่อนนานกว่า20 ปี มาแล้วด้วย รู้ กฎ กติกา รู้อาวุโส-รุ่น การได้มาซึ่งภาพ เสียง เป็นอย่างดี
          ด้านน้องสาวของพลทหาร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุพี่ชายได้แขทคุยกับตนเองที่เป็นน้องสาว ก่อนหน้าเมื่อเร็ว ๆ นี้พี่ที่เป็นพลทหารใหม่ผลัด 2 / 2566 เพิ่งกลับมาจากบ้าน วันที่ 29 ก.พ. 67 จะลา วันที่ 21 มี.ค. (วันนี้ ) แต่ได้วันที่ 1 เมษายน พี่คุยแชทไลน์บอกว่า พี่โดนทุกคนกด ช่วยพี่ด้วย น้องสาวอ่ะ กดแค่พี่เหรอพี่ชายบอกว่าใช่ กลัวสั่นไปหมดแล้ว น้องสาวบอกจ๋า ช่วย ได้ไหม พี่ชายบอกไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย พี่ชายบอกอย่างนี้ และกล่าวต่อไปว่า ตอนกลับบ้านก็คุยกันปกติ คุยกันเรื่องรถ เมื่อวานเวลา 17:40 น พี่ชาย พูดว่า ช่วยพี่ด้วย เวลา ประมาณ 20:00 น กำลังจะ ทำกับข้าว กินข้าว มีคน โทรหาพ่อ ตอนยืนอยู่หน้าบ้าน พ่อตะโกนบอกพี่ชายโดดตึก น้องสาว กล่าว
          ด้านนางติ๋ม อายุ 46 ปี แม่ของน้องพลทหาร กล่าวว่า ครอบครัวเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันมาอยู่จังหวัดนนทบุรี มีอาชีพ รับจ้าง มีลูก 2 คน คนโตเป็นพลทหาร คนเล็กลกสาวที่คุยแชทกับพี่ชาย ลูกชายจบ ม. 6 ไม่ได้เรียนต่อช่วงโควิด บอกจะส่งน้องเรียน ก่อนเข้าเป็นทหาร ตัดดสินใจจับสลากได้ใบแดง เพิ่งเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ ทบ.ผลัด 2/2566 เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 โดยก่อนเป็นพลทหารฯ ประกอบอาชีพเป็น LINE Man ลูกชายชื่อ พลทหารประกิต อาจใจ “น้องเต้ย” อายุ 23 ปี ยังไม่มีครอบครัว นิสัยเป็นคนร่าเริง แม่ อยากให้ลูกหาย ลูกเคยบ่นให้พูดให้ฟังว่า ถูกกดดัน ปกตินิสัยดีก่อนนอนสวดมนต์ ให้พ่อแม่ ดูจากที่เขาบันทึกในสมุดบอกว่า .. “รักพ่อรักแม่” .. อยากให้ลูกฟื้น ความจริงอยู่ที่เขา “พลทหารประกิต อาจใจ” ความจริงอยู่ที่ลูกชาย คนเดียวหากปาฏิหารย์ทำให้ฟื้นคืนขึ้นมา นางติ๋มกล่าว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!