ชลบุรี-“บิ๊กหลวง” เปิดปฏิบัติการยึดทรัพย์แก๊งบิ๊กไบค์ ขนยาบ้ากว่า 30 ล้านเม็ด
ภาพ/ข่าว:นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี
วันที่ 5 เมษายน 2567 ที่จังหวัดชลบุรี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. นางสาวพรทิพย์ แจ่มพงษ์ ผอ.ปปส.ภ.2 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.ปปส.ภ.5 นายสราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภ.6 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 2 น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ และ พ.ต.อ.ภาสกร ไพจิตต์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี แถลงผลปฏิบัติการยึดทรัพย์สินแก๊งบิ๊กไบค์ขนยาเสพติด ที่จับกุมได้ที่จังหวัดเชียงราย ช่วงวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมแถลงผลยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ลุยเด็ดปีกนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออก 329 เป้าหมาย ในช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึง การขยายผลแก๊งบิ๊กไบค์ว่า สืบเนื่องจากการจับกุมแก๊งบิ๊กไบค์ขนยาเสพติด เมื่อช่วงวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ จ.เชียงราย โดยเป็นผลจากการร้องเรียนของประชาชน ผ่านสายด่วน ป.ป.ส.1386 แจ้งว่า พบขบวนการบิ๊กไบค์ต้องสงสัยในพื้นที่ จ.เชียงราย คาดว่าจะเกี่ยวกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จนนำไปสู่การสืบสวนก่อนสามารถจับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,890,000 เม็ด ซุกซ่อนในอุปกรณ์พ่วงข้างรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ เครือข่ายยาเสพติด นำโดยนายสัมฤทธิ์ มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้ามาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท หลังการจับกุมได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สืบสวนขยายผล ก่อนพบว่าแก๊งบิ๊กไบค์ดังกล่าว ที่มีนายสัมฤทธิ์ เป็นหัวหน้าขบวนการลำเลียงยาเสพติดมีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัด จึงเปิดปฏิบัติการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส., นบ.ยส.35,ศขย.ฝขว.ศปก.ทบ., ศรภ., กกล.ผาเมือง, ขกท.ศปก.ทภ.3, ศอ.ปส.ทร.,ภ.จว.เชียงราย, ศอ.ปส.ภ.5, บก.ปส.3 บช.ปส. และ ศอ.ปส.นสร. ปฏิบัติการใน 13 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด (จ.ชลบุรี 4, จ.พิษณุโลก 1, จ.นครสวรรค์ 2, จ.เชียงราย 2, จ.พิจิตร 2, จ.กำแพงเพชร 2) ผลการปฏิบัติ ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โฉนดที่ดิน ยานพาหนะ ทองรูปพรรณ สินค้าแบรนด์เนม สมุดบัญชีธนาคาร รวมมูลค่าทรัพย์สิน 22 ล้านบาท ทำให้ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่าย นายสัมฤทธิ์ แก๊งบิ๊กไบค์ขนยาบ้า รวม 2 ครั้งมีมูลค่า 30 ล้านบาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้เผยถึง ผล “ยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย” ซึ่งได้ดำเนินการกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในชุมชน ตามเป้าหมายที่ได้รับร้องเรียนจากภาคประชาชน รวมถึงเป้าหมายที่ได้มาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยจะปฏิบัติการทุกเดือน เดือนละ 2 ครั้ง ในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการเปิดยุทธการในพื้นที่ภาคตะวันออก ห้วงวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 3 เมษายน 2567 ในพื้นที่เป้าหมาย 329 เป้าหมาย ใน 8 จังหวัด (จ.ตราด, จ.ปราจีนบุรี, จ.นครนายก, จ.ฉะเชิงเทรา, จ.จันทบุรี, จ.ระยอง, จ.สระแก้ว, จ.ชลบุรี) ผลการดำเนินงาน สามารถจับกุมผู้ต้องหา 278 คน ไม่พบตัว 25 คน พบตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย 18 คน เข้ารับการบำบัดรักษา 8 คน ของกลาง ยาบ้า 4,925 เม็ด ไอซ์ 556.71 กรัม คีตามีน 1.74 กรัม เอ็กซ์ตาซี 1.12 กรัม อาวุธปืน 20 กระบอก เครื่องกระสุน 92 นัด ยึดอายัดทรัพย์สิน 2,360,380 บาท รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ยกให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชน โดยในช่วงเริ่มต้นได้กำหนดปฏิบัติการเร่งด่วน Quick Win ในการนำผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตในกลุ่มเฝ้าระวังสูงสุดที่กระจุกตัวอยู่ใน 85 อำเภอ 30 จังหวัด จำนวน 4,414 ราย เข้าสู่กระบวนการบำบัด และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการนำผู้ป่วยจากยาเสพติดเข้ารับการรักษา ทั้งนี้การดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล เน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชน จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการต่อข้อร้องเรียน และลงพื้นที่เพื่อบรรเทาปัญหาให้ประชาชน ภายใต้ปฏิบัติการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อยที่ดำเนินการในทุกภูมิภาคของประเทศ โดยดำเนินการทั้งการปราบปรามผู้ค้าที่สร้างปัญหาในชุมชน ป้องกันผู้เสพรายใหม่ และบำบัดตามหลักเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ไม่ผลักไส ให้เขาถูกทอดทิ้งจนเกิดวงจรการเสพซ้ำ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – ปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด (ทุกช่องทาง) เป็นจำนวน 8,751 เรื่อง และดำเนินการแล้ว 5,519 เรื่อง ซึ่งจะดำเนินการให้ครบทุกเรื่อง ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากประชาชน นอกจากนี้ในด้านการจับกุมต้องไม่จบแค่การจับตัวยา ต้องมีการขยายผลผู้อยู่เบื้องหลังการส่งยาเสพติดเหล่านั้นและยึดทรัพย์สิน เช่นในกรณีแก๊งบิ๊กไบค์ รายนี้.