สมุทรปราการ-ตำรวจสำโรงใต้ บุกบ้านปลุกพ่อค้ายาบนที่นอน พบยาบ้าและไอซ์ ..!!

สมุทรปราการ-ตำรวจสำโรงใต้ บุกบ้านปลุกพ่อค้ายาบนที่นอน พบยาบ้าและไอซ์ ..!!

ภาพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์

           เมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 15 มิถุนายน 2567 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ร่วมกับ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ ปล่อยแถวระดมกวาดยาเสพติด โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่งานป้องกันปราบปราม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
            โดยหลังจากปล่อยแถว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ได้นำกำลังสายตรวจพร้อมด้วยหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นห้องพักแห่งหนึ่งในชุมชนบางหัวเสือ ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่พบถุงพลาสติกต้องสงสัยภายในมีห่อขนมกรุบกรอบที่ถูกเปิดซองแต่คล้ายกับว่าแอบซุกซ่อนอะไรบางอย่าง ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียด ก็พบของกลางคือยาบ้าแยกบรรจุถุงสีฟ้าถุงละ 200 เม็ด และยาไอซ์ บรรจุถุงแบ่งอีกจำนวนหนึ่ง ตำรวจจึงควบคุมตัวสองผัวมีเจ้าของห้องพัก ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่ายาเสพติดทั้งหมดเป็นของตนเอง มีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย ตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบปากคำขยายผลที่ สภ.สำโรงใต้ โดยมี พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปรา การ และ พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.สำโรงใต้ เข้าสอบปากคำขยายผลด้วยตนเอง
             นาย มนตรี ฉิมบ้านไร่ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ให้การยอมรับว่า ตนเองเพิ่งพ้นโทษออกมาได้สักพักหนึ่ง ในคดีทำร้ายร่างกาย พอพ้นโทษออกมาแล้วไม่มีงานทำ ประกอบกับภรรยาสาวเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงสามเดือน จึงหันมาค้ายาเพื่อหวังเก็บเงินไว้คลอดลูกในท้องของภรรยา โดยติดต่อซื้อยาจากพ่อค้ายาย่านพระประแดงในราคาเม็ดละ 7 บาท วางเงินไปสามหมื่นบาทได้ยามาสองพันบามาสองพันเม็ดยาไอซ์จำนวนหนึ่ง ตั้งใจมาขายต่อให้วัยรุ่นในชุมชนในราคาเม็ดละ 15 บาท ทำมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งมาถูกจับกุมครั้งนี้ ขณะที่ภรรยาอาจถูกข้อหาสมทบร่วมกันค้ายาเสพติดดังกล่าวซึ่งนอกจากยาเสพติดที่พบแล้วยังพบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับทางด้านภรรยารายนี้อีกด้วย
            พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.สำโรงใต้ ระบุว่า สำหรับนักค้ายาเสพติดทั้งรายย่อยรายใหญ่ในพื้นที่ ตำรวจสำโรงใต้มีการระดมกำลังกวาดล้างขบวนการยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่องและจับมาแล้วหลายราย ซึ่งรายนี้ก็เป็นอีกเป้าหมายที่ตำรวจเฝ้าติดตามพฤติกรรมและเก็บหลักฐานต่างๆจนขอหมายค้นและศาลอนุมัติหมายค้นดังกล่าว ทั้งนี้ยังคงเพิ่มความเข้มในการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
            พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า ในมิติของการป้องกันปราบปราม ทางผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายให้ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ยกระดับความเข้มข้น เพื่อให้ยาเพสติดเหลือน้อยที่สุด ต้องทำให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ จากนี้ต่อไป ยืนยันการจับกุมนักค้ายาและขบวนการยาเสพติด ไม่ว่าจะคนขายหรือคนเสพ จะเข้มข้นแน่นอน เราคงต้องกวาดล้างแบบนี้ต่อไป เพราะอยู่หนึ่งใน 25 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูง เพาะฉะนั้นทางรัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด ถึงแม้ผลการจับกุมของเราจะทะลุเป้าก็จริง ของเราจับไป 2,000 กว่า จึงมองว่าของเราเป็นพื้นที่สีแดง ก็เลยถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มที่แพร่ระบาดสูง เมื่อผลการจับกุมสูง เพราะปัญหายาเสพติดเสียงสะท้อนกลับไปยังรัฐบาล พี่น้องประชาชน ก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจในเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลเลยให้ ปปส.เป็นเจ้าภาพ สำหรับประชาชนในเรื่องของการให้ข้อมูล ช่องทางที่แจ้งเบาะแสได้ 1386 และ 191 (สามารถโทรได้ตลอด) และข้อมูลพวกนี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ เมื่อยาเสพติดน้อยลง เหตุการณ์คุ้มคลั่ง อาละวาดต่างๆ ความหวาดระแวงของพี่น้องประชาชน จะลดน้อยลง และความเท็จจริงกับความเชื่อ ค่อนข้างจะสอดคล้องกันแล้วว่า ยาเพสติดเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะ ลักขโมย วิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ถ้าเราสามารถเข้มงวดกวดขัน ให้ยาเสพติดลดลงไปได้ ปัญหาอาชญากรรมพวกนี้ก็จะลดลงไปได้ ในส่วนสมุทรปราการของเราปัญหาเหล่านี้ก็ลดลงไปมากเช่นกัน
             ขณะที่ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า ตามที่ทางรัฐบาลให้มีการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด โดยกำหนดให้ จังหวัดสมุทรปราการเรา เป็น 1 ใน 15 จังหวัดในการนำร่องที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไป ในระยะเวลา 10 วัน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยท่านผู้บังคับการ บูรณาการทำงานทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดย ในการดำเนินงาน เราปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปราม ผลการดำเนินการตามขอบการชี้วัดคะแนน 60 คะแนน โดยรัฐบาลให้ประเมินจากความพึงพอใจของประชาชน และวัดได้ 30 คะแนน ถือว่าเป็นคะแนนที่สูงมากของชุมชนเมืองสมุทรปราการของเรา เพราะว่าประชาชนก็ตื่นเช้าออกไปทำงาน ค่ำมาก็กลับมาพักผ่อน แล้วออกไปทำงานต่อ 24 ชั่วโมง การที่ประชาชน 3.4 ล้านคน เห็นกระบวนการการทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างลำบาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คณะทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติด จะต้องเร่งทำงานอย่างเข้มข้นขึ้น และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ได้ทราบถึงการทำงานของเรา

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!