สมุทรปราการ-เปิดภาพวงจรปิด..นาทีลูกโมโหแทนพ่อคว้ากรรไกรจ้วงแทงคู่กรณีพ่อจนบาดเจ็บสาหัส..!!
ภาพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 ก.ค.67 มีเหตุ ที่นายทศพล บุญชื่น อายุ 33 ปี ไปก่อเหตุใช้กรรไกรจ้องแทงที่คอ หน้าอก และตามร่างกายหลายแห่ง กับนายบุรินทร์ เผือกพันธุ์ อายุ 24 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในลานตู้คอนเทรนเนอร์แห่งหนึ่ง ในตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
ล่าสุดเมื่อช่วงสาย วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ทีมข่าวเราลงพื้นที่ไปที่ลานตู้คอนเทรนเนอร์ที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยเราไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิดนาทีก่อเหตุมาได้ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพได้ ในขณะที่ นายทศพล ผู้ก่อเหตุนั่งอยู่ในเพิงพักภายในลานตู้ จังหวะนั้นหันไปเห็น นายบุรินทร์ คู่กรณีเดินมากับพ่อของนาย บุรินทร์ ซึ่งทั้งสองเดินมาคล้ายกับกำลังพูดคุยกันอะไรบางอย่าง จังหวะนั้น นายทศพล ซึ่งนั่งอยู่ จึงเดินปรี่เข้าหา นาย บุรินทร์ ทันที ก่อนจะควักกรรไกรที่เตรียมมา โยนลงพื้นแล้วเหมือนกับตะโกนต่อว่านายบุรินทร์ ไม่ทันไร จะเห็นว่านายบุรินทร์ วิ่งหนี นายทศพลเข้าไปในเพิงพัก
ส่วนนายทศพลผู้ก่อเหตุ ได้คว้ากรรไกรที่โยนไว้กับพื้น ปาใส่นายบุรินทร์ ซึ่งจังหวะนี้เองไม่ทราบว่ากรรไกรที่ปาใส่นายบุริทน์นั้น ไปปักคาส่วนไหนของร่างกาย แต่นายทศพล ได้วิ่งเข้าไปซ้ำแล้วใช้กรรไกรอันเดียวกันจ้วงแทงใส่นายบุรินทร์ หลายครั้ง ทำให้พ่อของนายบุรินทร์ และเพื่อนร่วมงานต้องเข้าห้ามปรามและช่วยเหลือ นายบุรินทร์แยกออกมาเพราะว่าบาดเจ็บมีเลือดไหลเต็มตัว ส่วนนายทศพล ถูกเพื่อนร่วมงานช่วยกันรุมจับตัวเอาไว้ได้ ซึ่งภาพวงจรปิดดังกล่าวถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทางพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้ในส่วนของคดีความจะต้องรอผลการรักษาจากแพทย์อีกครั้ง ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บ ยังคงสาหัสและรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์3
ทีมข่าวเราไปคุยกับทางฝ่ายบุคคลของทางบริษัท บอกว่า ปัญหาทะเลาะวิวาทของทั้งสองคนเมื่อวานนี้ เกิดจากก่อนหน้านี้ฝ่ายของผู้บาดเจ็บซึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ซึ่งเดิมทีมีคุณพ่อทำงานอยู่ที่นี่อยู่แล้ว และน้องได้เข้ามาสมัครงาน ซึ่งทางบริษัทก็รับทำงานตามปกติ ส่วนผู้ก่อเหตุก็มีคุณพ่อทำงานที่นี่เช่นกัน และก็มาสมัครเช่นกันแต่ทางบริษัทดูแล้วไม่เหมาะสมที่จะทำงาน จึงไม่ได้รับ ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่ค่อยพอใจ ที่ทางฝ่ายของผู้บาดเจ็บได้ทำงาน ทำให้ทั้งสองฝ่ายระหองระแหงกันมาพอสมควร จนเมื่อวานก่อนเกิดเหตุ ทางบริษัทได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกัน ซึ่งฝ่ายของผู้บาดเจ็บเองก็ยอมที่จะลาออกหากอีกฝ่ายมองว่าเขาคือต้นเหตุของการผิดใจกันระหว่างพ่อกับพ่อ แต่ฝ่ายของพ่อของผู้ก่อเหตุ กลับไม่ยอมจบ
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากขอลาออกแล้วก็ตาม ทำให้ทางบริษัทจึงออกมาตรการสั่งพักงานทั้งสองฝ่ายชั่วคราวเพื่อให้กับไปพิจารณาตัวเองทั้งสองฝ่าย เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาภายในบริษัทตามมา ซึ่งหากพูดคุยและตกลงทำงานร่วมกันได้จึงให้กับมาทำงาน กระทั่งพอเลิกประชุมทั้งคู่ออกมาจากห้องประชุมได้ไม่นานก็เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ ในส่วนของพ่อฝ่ายผู้ก่อเหตุคงจะต้องเลิกจ้างและไม่ให้กลับมาทำงานอีกต่อไป ส่วนพ่อของผู้บาดเจ็บยังคงให้ทำงานตามปกติ ในส่วนของผู้บาดเจ็บนั้น หากรักษาตัวจนหายและอยากกลับเข้ามาทำงานก็ต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง ส่วนทางผู้ก่อเหตุก็ปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมาย