อุบลราชธานี-พ่อเมืองฯ มอบข้าวสารอาหารแห้ง แก่ปชช. หนีน้ำมาพักที่จุดอพยพชั่วคราว
ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสำเริง ม่วงสังข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 ชลประทานจังหวัดอุบลราชธานี และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำแม่น้ำมูลเพิ่มสูงขึ้น พร้อมมอบข้าวสาร อาหารแห้ง แก่ครอบครัวผู้ประสบภัย ซึ่งอพยพขึ้นมาอาศัยอยู่บริเวณ จุดอพยพชั่วคราว ชุมชนห้วยม่วง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จำนวน 4 ครัวเรือน
นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดข้างเคียงในห้วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำเหนือจังหวัดอุบลราชธานี มีระดับเพิ่มมากขึ้น โดยโครงการชลประทานอุบลราชธานี ได้แจ้งการ ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนร้อยเอ็ด และเขื่อนมหาสารคาม โดยการแขวนบานระบายน้ำทั้งสองเขื่อนประกอบ และคาดว่าจะมีมวลน้ำจากจังหวัดที่อยู่ทางตอนบนจากลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำชี ไหลมารวมกันที่จังหวัดอุบลราชธานี อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำมูลและลำน้ำสาขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำมูล วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 ที่สถานี วัดน้ำท่า M.7 บริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตย ที่ 110.15 ม.รทก. เพิ่มจากเมื่อวาน 0.50 เมตร อัตราการไหล 1,327.50 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งอำเภอวารินชำราบ 2.35 เมตร ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากสถานการณ์ดังกล่าว น้ำจะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมทางเข้าออกชุมชนในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่ระดับ 110.38-111.00 ม.รทก. (5.38-6.00 ม.รสม.) คาดว่าจะมีผลกระทบในพื้นที่ชุมชนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช 1 (ชุมชนวังแดง) และชุมชนวัดบูรพา 2 เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จึงได้มีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง จากประกาศของจังหวัด และสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยจังหวัดได้กั้นกระสอบทรายพร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากชุมชน พร้อมทั้งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลืออพยพ ประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อรองรับประชาชนในการอพยพหนีน้ำ