ชลบุรี-“อดีตครู”เจออู่ซ่อมรถย้อมใส่อะไหล่เชียงกง รับผิดหวังเพราะคนรู้จักกันแท้ๆ
ภาพ-ข่าวนิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
อดีตครู ร้องสื่อเจออู่ซ่อมรถปล่อยรอนานแรมปี ย้อมใส่อะไหล่เชียงกงเกือบทั้งคัน แต่เขียนลงบิลเป็นของแท้มือหนึ่งเบิกศูนย์ รับเข็ดและผิดหวังเพราะเชื่อใจเจ้าของอู่เป็นคนรู้จัก
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ว่าที่ ร.อ.ธนนท์ บุญทวีวรเดช อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการครู ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินมวยไทย-มวยสากล ได้หอบเอกสารหลักฐานร้องสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรมและเตือนภัยประชาชน หลังจากเอารถยนต์ส่วนตัวเข้าไปซ่อมบำรุงที่อู่ซ่อมรถขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยอู่ซ่อมเอารถไปดองงานนานแรมปี สุดท้ายได้รถกลับคืนแบบไม่ตรงปก ทั้งที่ควักเงินจ่ายค่าซ่อมไปกว่า 3.8 แสนบาท
ว่าที่ ร.อ.ธนนท์ เปิดเผยว่า เมื่อปีที่ผ่านมา รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน 6 กร 6667 กรุงเทพฯ เกิดความเสียหายด้านหน้าฝั่งซ้ายยุบ แต่ไม่กระทบถึงห้องเครื่อง หลังขับไปประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน จากนั้นจึงส่งรถเข้าเครมกับอู่ซ่อมของบริษัทประกัน ซึ่งเข้าใจว่าเจ้าของอู่ดังกล่าวเป็นคนรู้จัก จึงโทรศัพท์ไปหาเจ้าของอู่ เพื่อฝากช่วยดูแลรถระหว่างการจอดซ่อม ซึ่งบังเอิญว่าอู่ดังกล่าวชื่อคล้ายกัน ทางเจ้าของอู่กลับพูดจาโน้มน้าวลักษณะอู่บริษัทประกันทำงานช้า แถมไม่รักษารถดีเท่าที่ควร และให้เอารถมาซ่อมที่อู่ของตัวเอง
ทั้งนี้ ด้วยความที่เป็นคนรักรถ จึงเชื่อชายเจ้าของอู่ที่รู้จักและเคยทำงานร่วมกันในงานสังคมมาก่อน และมีการตกลงย้ายรถเอาเข้าไปซ่อมอู่แห่งนี้ เมื่อย้ายเข้ามาอู่ได้เร่งมือทำงานในช่วงแรก และดูว่าเหมือนจะดีตามที่พูดจริง จากนั้นเจ้าของอู่มีการเอาใบเสนอราคามาเรียกเก็บเงิน รวมทั้งสิ้น 3.8 แสนบาท ซึ่งก็ยินดีชำระตามกำหนด แต่เวลาผ่านไปเนิ่นนานรถก็ยังไม่เสร็จเสียที มีการทวงถามอยู่หลายครั้ง เจ้าของก็ได้แต่พูดจาอ้างไปต่างๆ นานา กระทั่งเข้าไปเช็คดูความคืบหน้าถึงได้รู้ว่ารถไปอยู่ที่อีกอู่หนึ่ง ซึ่งค้างค่าอะไหล่ประมาณ 8 พันกว่าบาท
จนเวลาผ่านไปนานนับปี ถึงเวลาที่ต้องมารับรถ ต้องถึงกลับตกใจเพราะว่ารถอยู่ในสภาพเหมือนไม่ใช่ช่างที่มีฝีมือทำ ซึ่งอะไหล่ที่เปลี่ยนต้องเป็นของมือหนี่งเบิกศูนย์ตามใบเสนอราคา เมื่อเอามาเช็คเป็นอะไหล่มือสองเชียงกง บางจุดไม่ตรงรุ่น อะไหล่วัสดุภายในตัวรถบางชิ้นหาย บางชิ้นเก่า ไฟเครื่องโชว์หน้าปัด เสียงสตาร์ทดังผิดปกติ เอามาขับได้ไม่ข้ามวันแบตหมดสตาร์ทไม่ติด เมื่อย้อนกลับไปถามเจ้าของอู่ก็เริ่มบ่ายเบี่ยงไม่รับสายหลบหน้าหลบตา และสุดท้ายยอมเสียเงินอีก 1.9 แสนบาท ตัดสินใจเอารถเข้าไปซ่อมอู่อื่น จนรถกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าเงิน 3.8 แสนบาท ที่สำรองจ่ายไปก่อนระหว่างการซ่อมจะได้รับคืนจากบริษัทประกัน จึงอยากออกมาเตือนภัยประชาชนในพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบด้วย ซี่งเท่าที่ทราบมีหลายคนที่เข้าไปใช้บริการเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้ว และสุดท้ายอยากให้อู่ดังกล่าวออกมารับผิดชอบค่าเสียหายในครั้งนี้ด้วย ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้เข็ดและผิดหวังมากกับคำว่าคนรู้จัก