ประจวบคีรีขันธ์-ผู้ว่าฯจัดซ้อมใหญ่อุบัติเหตุหมู่
ภาพ-ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
วันที่ 4 กันยายน 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สโมสรทหารอากาศกองบิน 5 อ่าวมะนาว อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ (กรณีเกิดอุบัติเหตุใหญ่ทางถนน) ประจำปี พ.ศ 2567 ภายใต้ชื่อ”โครงการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์”
ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ร่วมกับกองบิน 5 หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุ และด้านการบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยงานต่างๆในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีนายธนวัฒน์ เรืองเดช หัว หน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม มีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ร่วมเป็นเกียรติรับชมการฝึกซ้อมแผน มีหัวหน้าหน่วยงานองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องร่วมประสานการปฏิบัติในการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุครั้งนี้
โดยในการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุครั้งนี้ เป็นการจำลองเหตุการณ์อุบัติเหตุหมู่รถโดยสารสาธารณะ(รถบัส)ชนกับรถบรรทุกน้ำมัน และ เกิดเหตุรถยนต์ส่วนบุคคลติดแก๊สชนกันซ้ำซ้อนบนถนนเพชรเกษมสายหลักทางหลวงหมายเลข 4 ทำให้มีเหตุระเบิดเกิดเพลิงลุกไหม้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายและมีผู้ติดคาอยู่ในซากรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานการปฏิบัติระดมทั้งรถดับเพลิง หน่วยกู้ชีพ-กู้ภัย ใช้อุปกรณ์เครื่องตัด-ถ่าง นำผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตส่งโรงพยาบาล
นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า การฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ(กรณีเกิดอุบัติเหตุใหญ่ทางถนน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ.2567 เป็นการสมมุติสถานการณ์สาธารณภัยขนาดกลางมีความรุนแรงระดับ 2 ในลักษณะการฝึกแบบปฏิบัติการภาคสนามเต็มรูปแบบ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาคีเครือข่าย มูลนิธิ องค์การสาธารณกุศล รวมแล้วประมาณ 200 คน ที่ปฏิบัติงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ
ทั้งนี้เนื่องจากหน่วยงานต่างๆทุกหน่วยงานมีทั้งบุคลากรและทรัพยากร เครื่องไม้เครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการบูรณาการร่วมมือกัน การฝึกในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากจะทำให้ทุกคนที่มีหน้าที่ได้รู้ขั้นตอน ว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร เมื่อไหร่ เวลาเกิดเหตุจริง เพื่อเป็นการลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยตอนซ้อมให้ซ้อมเสมือนจริง และตอนปฏิบัติจริงก็ต้องทำให้เหมือนซ้อม จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งถ้าหากทำได้เช่นนี้การช่วยเหลือก็จะรวดเร็วประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ