อุทัยธานี-ผู้พิการได้รับเงินโอน 1 หมื่นบาทแห่ถอนเงินอย่างต่อเนื่อง
ภาพ-ข่าว:วราภรณ์ จันทรังษ์
ผู้พิการจังหวัดอุทัยธานีกว่า 1.2 หมื่นคนทำบัตรใหม่และต่ออายุบตรคนพิการไปแล้วร้อยละ 90 และได้รับเงินโอน 1 หมื่นบาทไปแล้วหลายันคน ที่เหลือยังทยอยทำบัตรต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงแห่กดเงินถอนเงินกันอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนมากที่นำเงินหมื่นไปไถ่ถอนของในโรงรับจำนำบางรายนำเงินส่วนหนึ่งไปลดต้น ส่วนสีสันของผู้ที่รับเงินดังกล่าวกดเงินออกมาแล้วแก้บนทันที
ที่จังหวัดอุทัยธานี ช่วงบ่ายวันนี้ ( 27 ก.ย. ) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าผู้พิการในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ที่ยังไม่ได้รับเงินโอนจากรัฐบาลจำนวน 1 หมื่นบาทกันจำนวนมาก เพื่อสอบถามส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยไปที่ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดอุทัยธานี ชั้น 1 ของศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี และเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่าคนพิการที่ขึ้นทะเบียนและทำบัตรคนพิการของจังหวัดอุทัยธานี มีจำนวนกว่า 1.2 หมื่นคน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีผู้พิการมาทำบัตรใหม่ และต่ออายุบัตร เพื่อรับสิทธิ์ที่จะได้เงินโอนจากรัฐาล 1 หมื่นบาทไปแล้วจำนวนกว่า 1.1 หมื่นคนและได้รับเงินโอนในรอบแรกไปแล้วจำนวนหลายพันคน เหลือเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ยังไม่ไดต่ออายุบัตรคนพิการ
จนถึงวันนี้ยังคงมีผู้พิการต่างๆมาต่ออายุบัตรกันอย่างต่อเนื่องคาดว่าน่าครบทั้งหมดภายในเดือนนี้ เพื่อรับสิทธิดังกล่าว ส่วนผู้พิการที่มีสิทธิรับเงิน 1 หมื่น ที่ยังไม่ได้รับเงิน จะได้รับเงินโอนจากรัฐบาลอีก 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ครั้งที่ 2 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ส่วนประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 7 หมื่น คนที่จะได้รับสิทธิ์ทั้งหมดนั้น หากมีคุณสมบัตรครบถ้วนก็จะได้รับเงินโอน 1 หมื่นบาทจากรัฐบาล ในอีก 3 ครั้ง ในห้วงเวลาใกล้เคียงกันกับของผู้พิการ
สำหรับประชาชนที่รัฐบาลโอนเงิน 1 หมื่น เข้าบัญชีของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในรอบแรกนี้ แม้เป็นวันที่สามที่ประชาชนดังกล่าวแห่กันมากดเงินถอนกันอย่างต่อเนื่องและมากันจนแน่นตู้ ATM ต้องเข้าแถวรอคิวและนั่งรอในที่ร่มกันเป็นจำนวนมาก อย่างภาพที่เห็นเป็นภาพหน้าตู้ ATM ธนาคารออมสินสาขาอำเภอเมืองอุทัยธานี ตรงข้ามสถานธนานุบาล หรือโรงจำนำ เทศบาลเมืองอุทัยธานี ด้านนายชาญชัย แสงนวล ผู้จัดการสถานธนานุบบาลเทศบาลเมื่องอุทัยธานี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 3 วัน คนที่ได้รับเงินส่วนใหญ่ที่นำสิ่งของ ทั้ง ทีวี ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่อมือช่าง และเครื่องยนต์รถการเกษตร รวมถึงสร้อยคอทองคำต่างๆ ที่มาจำนำไว้นำเงินมาไถ่ถอนคืนกันเป็นจำนวนมาก
หลายคนที่มียอดเงินที่สถานธนานุบาลรับไว้มีการจำนำที่เกิด 1 หมื่นบาทขึ้นไป ก็จะนำเงินบางส่วนจากเงิน 1 หมื่นบาท แบ่งเงินมาลดเงินต้น เพื่อที่จะได้ลดเงินต้นไปก่อน เวลามาไถ่ถอนจริงจะได้มียอดที่จำนำไม่มาก และบางคน ( เสื้อสีชมพู ) ที่ได้ไปเช็คเงินมาแล้วแต่ยังไม่ได้กดเงินถอนเงินออกมา ได้เดินทางมาที่สถานธนานุบาลเนื่องจากครบกำหนดการไถ่ถอนทองรูปพรรณที่มีอยู่ในวันนี้ ( 27 ก.ย. ) กลัวว่าจะหลุดจำนำจึงได้ยืมเงินเพื่อนบ้านมาต่อดอกไว้ก่อน เมื่อได้ถอนเงินออกมาแล้วจะมาไถถอนคืน ต่อไป
ส่วนสีสันของผู้ที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท รายหนึ่ง อย่างเช่น นางโสภา ขยันกสิกิจ อายุ 54 ปี ชาวตำบลหนองแก อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ที่วันนี้ก็ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท เป็นที่เรียบร้อยด้วยเช่นกัน และก็เป็นหนึ่งในคนที่บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ได้เงิน 1 หมื่นบาท โดยวันนี้ได้ทำการนำของแก้บน มาตั้งกลางแจ้งเพื่อทำการแก้บนตามที่ได้บอกกล่าวไว้ พร้อมทั้งยังพาดูข้าวของที่ซื้อตุนเอาไว้หลังจากที่ได้เงินก้อนนี้มา อีกด้วย และสาเหตุที่บนบานศาลกล่าวกับหลวงพ่อเคลือบวาจาศักดิ์สิทธิ์ ให้ได้เงินหมื่นในครั้งนี้ เพราะกลัวว่าโครงการจะถูกเลื่อน และกลัวตกหล่น
พอหลังจากที่วันนี้ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้กดเงินออกมาส่วนหนึ่งนำไปซื้อข้าวสารไว้ จำนวน 20 กระสอบ ซึ่งสามารถกินได้ 1 ปี น้ำมันพืช อีก 2 ลัง น้ำปลา อีก 2 ลัง และเครื่องปรุงรสต่างๆ พร้อมด้วยของแก้บนคือ ไก่ต้ม 2 ตัว เหล้าขาว 1 ขวด มาแก้บนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำตามสัญญาและให้การช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ ซึ่งเงินที่ได้มาครั้งนี้นอกจากได้ซื้อของกินของใช้แล้วนั้น ยังได้ช่วยเป็นค่าใช้จ่ายให้กับลูกสาว ซึ่งตอนนี้เป็นผู้พิการตาบอดจากเนื้องอกในสมอง ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางไปทำการฉายแสงรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี เป็นระยะเวลา 1 เดือน อีกด้วย โดยตอนนี้เงิน 20,000 บาทที่ได้มาก็เหลือเก็บไว้ 4,000 บาท ไว้เป็นทุนสำรองในครอบครัวต่อไป