อุทัยธานี-ยื่น ปปช.ร้องเรียน นายกฯอบจ.
ภาพ-ข่าว:วราภรณ์ จันทรังษ์
ประชาชนชาวอุทัยธานี ลุยเดี่ยวยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ ปปช.จังหวัดอุทัยธานี หลังยื่นร้องเรียนขอให้ นายเผด็จ นุ๊ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้ ปปช.และหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่าง ปปช.ยื่นอุทรณ์ต่อศาลเพื่อพิจราณาความผิด
ที่จังหวัดอุทัยธานี วันนี้ ( 5 พ.ย. ) เวลา 09.30 น. มีประชาชนชาวจังหวัดอุทัยธานีรายหนึ่ง เดินทางมาที่สำนักงาน ปปช.จังหวัดอุทัยธานี บริเวณชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานีหลังเก่า เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกับทาง สนง.ปปช.จ.อุทัยธานี เพื่อร้องเรียนการไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ของ นายเผด็จ นุ้ยปรี ตามผลของกฎหมาย หลังจากที่ได้มีการประกาศสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.อุทัยธานี ในระหว่างวันที่ 2 – 6 กันยายน 2567 ก่อนมีการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567
โดยมี นายเผด็จฯ ยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้เพียงรายเดียว โดยได้รับคะแนนเสียง 108,243 คะแนน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 257,375 คน ก่ิอนที่ทาง กกต.อุทัยธานี ได้ประกาศรับรองการเลือกตั้งนายก อบจ.อุทัยธานี ไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เป็นผลให้นายเผด็จ นุ้ยปรี กลับมาดํารงตําแหน่งเดิมใหม่เป็นนายก อบจ.อุทัยธานี สมัยที่ 5 และเข้าปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปช.ลงรับหนังสือ เพื่อให้ผู้อำนวยการ ปปช.จังหวัดอุทัยธานี พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยเนื้อหาในหนังสือร้องเรียนระบุว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายเผด็จ นุ้ยปรี อดีตนายก อบจ.อุทัยธานี กรณีการก่อสร้างถนนลาดยางเชื่อมถนนสายหลักสายบ้านหนองตะเคียน – บ้านบึงแวง จ.อุทัยธานี ซึ่งมีมูลความผิดทางวินัยและอาญา จังหวัดอุทัยธานี จึงมีหนังสือร้องขอสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อถอดถอน นายเผด็จฯ ออกจากตำแหน่ง แต่เนื่องจาก นายเผด็จฯ พ้นจากตำแหน่งแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่สามารถส่งสำนวนการไต่สวนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการถอดถอนได้ ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำสั่งรับประทับฟ้องของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่ในชั้นต้นศาลยกฟ้อง
โดยปัจจุบัน คดียังอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์และยังไม่ถึงที่สุด คณะกรรมการกฤษฎีกา วินิจฉัยว่า กรณีผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้ประทังฟ้องในคดีอาญาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาได้พ้นจากตำแหน่งเดิมไปแล้ว และอยู่ระหว่างการดำรงตำแหน่งเดิมในวาระใหม่ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2561 การที่มาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 กําหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สิทธิที่จะสมัครรับเลือกตั้งหรือเข้าดำรงตําแหน่งนั้นอีกต่อไป การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ จึงเป็นการยุติความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นางภัทริยา เมฆวณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุทัยธานี เพื่อสอบถามถึงการเข้าร้องเรียนดังกล่าว และจะได้ดำเนินการอย่างไร โดยได้กล่าวถึงข้องร้องเรียนดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดอุทัยธานี ได้รับหนังสือร้องเรียนเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา และวันนี้ผู้ร้องได้เดินทางมาที่สำนักงาน ปปช.อีหครั้ง เพื่อยื่อเกอสารเพิ่มเพื่อนำไปประกอบข้อพิจราณา สำหรับนายเผด็จ นุ๊ยปรี ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อของกฎหมายเก่า พ.ร.บ.ป.ป.ช.2542 และศาลชั้นต้นยกฟ้องสำหรับคดีนี้ และล่าสุดทาง ปปช.โดยสำนักคดีที่ส่วนกลาง ได้มีการยื่นอุทรณ์ต่อศาลเพื่อพิจารณาคดี และขณะนี้ ป.ป.ช.จังหวัดอุทัยธานีได้ประสานไปยังสำนักกฎหมายเพื่อหารือแนวทางการปฏิบัติ เนื่องจากกรณีที่ถูกศาลประทับรับฟ้องแล้วชี้มูลคดีถึงที่สุดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่กรณีนี้ยังไม่ชัดเจน จึงต้องปรึกษาหารือถึงแนวทางปฏิบัติอีกครั้งหนึ่ง ป.ป.ช.รับเรื่องไว้แล้ วและจะประสานงานตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
โดยผู้สื่อข่าวได้ไปยังสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถื่นจังหวัดอุทัยธานี และขอพบกับ นายธีระรัตน์ วงษ์จักร ท้องถิ่นจังหวัดอุทัยธานี เพื่อสอบถามถึงการร้องเรียนดังกล่าว โดยนายธีระรัตน์ฯได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ให้มาแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าจะขอหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเสียก่อนไม่สามารถตอบได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอพบกับนายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ถึงเรื่องที่ถูกร้องเรียน ทางโทรศัพท์เปิดเผยว่ากำลังขึ้นไปบนดอยแก่นมะกรูดอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อจัดเตรียมสวนพฤกษศาตร์ต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ( ระยะทางกว่า 100 กม. ) จึงไม่สะดวกในการให้สัมภาษณ์แต่ได้บอกว่า ในเรื่องนี้ศาลนั้นอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ซึ่งได้บ่งบอกว่าในระหว่างนี้สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้เพราะยังไม่ได้ตัดสิน ซึ่งทางผู้ว่าก็ได้ออกหนังสือแต่งตั้งมาแล้วอย่างเป็นทางการรวมถึงหนังสือของ กกต.ก็ได้ออกมารอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ตัวเองได้รับการแต่งตั้งก็เป็นไปด้วยกฎหมายไม่ได้ขัดหรือฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างไร แต่ถ้าหากมีการตัดสินว่าผิดจริงตัวเองก็พร้อมจะหยุดทำหน้าที่ ซึ่งในทางปฎิบัติงานตัวเองได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ขึ้นมาแล้วก็ต้องทำงานในหน้าที่ แต่ถ้าหากไม่ทำงานก็จะถูกละเลยในการปฎิบัติหน้าที่หรือโดนมาตรา 157