ชุมพร-รมช.เกษตรฯ ติดตามการดำเนินงานของท่าเทียบเรือประมงชุมพร

ภาพ/ข่าว:ประสิทธิ์ ลีฬหคุณากร

          วันนี้ (8 พ.ย. 67) นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ ท่าเทียบเรือประมงชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อติดตามการดำเนินงานของท่าเทียบเรือประมงชุมพร พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนงานขององค์การสะพานปลา และพบปะตัวแทนกลุ่มชาวประมงพาณิชย์และพื้นบ้าน เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคการประกอบกิจการด้านประมง โดยมีนายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยส่วนราชการ และกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เยี่ยมชมโรงคลุมสำหรับขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำ และชมการขนถ่ายปูจากเรือลอบปูขึ้นท่าเทียบเรือ และเยี่ยมชมกิจการแพที่รับซื้อปูม้าจากเรือประมงและนำมาแปรรูป ซึ่งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร จากนั้นได้ลงพื้นที่จุดรวบรวมปลาหมอคางดำ ตำบลวิสัยเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อติดตามการดำเนินงานในการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ
          สำหรับองค์การสะพานปลา ได้ก่อสร้างท่าเทียบเรือประมงชุมพรขึ้น ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 โดยใช้งบประมาณขององค์การสะพานปลาในการก่อสร้างท่าเทียบเรือประมงชุมพร เป็นจำนวนเงิน 16,152,338.00 บาท และเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2528 ซึ่งปัจจุบันท่าเทียบเรือประมงชุมพรมีการดำเนินงาน ทั้งในเรื่องการให้บริการการขนถ่ายและจำหน่ายสัตว์น้ำผ่านท่าเทียบเรือประมง มีความยาว 138 เมตร การให้สินเชื่อกับชาวประมง โดยบริการให้สินเชื่อกับชาวประมงและผู้ประกอบการประมง ทั้งสินเชื่อเครื่องมืออุปกรณ์ประมง สินเชื่อซ่อมแซมเรือประมง การให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านตลาด และสถิติประมง ผ่านเว็บไซด์ขององค์การสะพานปลา และการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและอื่น ๆ
          นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือประมงชุมพรในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ต้องการจะพัฒนาในเรื่องการเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยต้องการให้กรมประมงทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต และองค์การสะพานปลาทำหน้าที่เป็นผู้ขาย ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ในเรื่องตลาดนำการผลิต อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ พร้อมเข้ามาส่งเสริมทั้งในเรื่องปัจจัยการผลิต องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไป