ประจวบคีรีขันธ์-ชาวประมงกระทบหนักขาดรายได้วันละหลายพันบาทหลังเจอลมมรสุมพัดกระหน่ำอ่าวไทยต่อเนื่อง
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
วันที่ 29 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่า เกิดเหตุเรือประมงขนาดเล็กซึ่งเป็นเรือประมงพื้นบ้านชายฝั่งได้ถูกกระแสลมแรงพัดจนทำให้เรือล่มจมเสียหายจำนวน 1 ลำ ในพื้นที่ชายทะเล หมู่ 1 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งชาวบ้านกำลังช่วยเหลือกันในการเก็บกู้เรือเพื่อลากเข้าสู่ชายฝั่ง ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจบรรยากาศสภาพคลื่นลมบริเวณชายฝั่งทะเลพบว่ามีเรือของชาวประมงทั้งกลุ่มเรือประมงพาณิชย์ เรือบรรทุกสินค้า และกลุ่มประมงพื้นบ้านขนาดเล็กชายฝั่งจากอ่าวต่างๆ อาทิ อ่าวน้อย อ่าวคั่นกะได อ่าวประจวบ อ่าวมะนาว และอ่าวคลองวาฬ ต่างนำเรือเข้ามาหลบคลื่นลมในอ่าวประจวบบริเวณด้านหลังเขาตาม่องล่าย เพื่อหวังให้ภูเขาบังกระแสลมไม่ให้พัดพาเรือจมทะเลเสียหาย โดยมีเรือประมงบางส่วนที่ขับเรือเข้ามาหลบไม่ทันก็จะจอดหลบอยู่บริเวณหน้าอ่าวในพื้นที่ของตนเอง บ้างก็นำเรือขึ้นเกยหาดทรายเพื่อป้องกันไม่ให้เรือกระแทกเสียหาย อีกบางส่วนใช้วิธีการทอดสมอดึงเรือทั้งหน้า-หลังไว้ในทะเลหลังเขา โดยจอดเรือห่างจากฝั่งเพื่อป้องกันความเสียหายจากเรือกระแทกกับเขื่อนคอนกรีต
นอกจากนี้ยังพบว่าจากกระแสที่ลมพัดแรงยังทำให้หลังคากันสาดของร้านจำหน่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถนนสละชีพ ถูกลมพัดพังถล่มลงมา โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ค้าถนนคนเดินริมอ่าวประจวบ ซึ่งจะมาตั้งแผงจำหน่ายสินค้าทุกเย็นวันศุกร์และวันเสาร์ ต่างรอดูสถานการณ์ว่าจะสามารถตั้งแผงสินค้าขายได้หรือไม่ เนื่องจากบริเวณถนนเลียบชายหาดถ้าหากน้ำทะเลขึ้นสูงและมีลมพัดแรงน้ำทะเลจะซัดขึ้นมาบนถนนเลียบชายหาดกลายเป็นตลาดน้ำ ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับสินค้าของพ่อค้าแม่ค้าต่างๆบนถนนสายนี้
นายธนบดี ศรีคง อายุ 40 ปี หรือไต๋หรั่ง ชาวประมงพื้นบ้านคลองวาฬ เปิดเผยว่า ตนเองและเพื่อนกลุ่มชาวเรือประมงด้วยกันได้งดออกหาปลาในทะเลมาเกือบ 1 เดือนแล้ว เนื่องจากกระแสคลื่นลมในทะเลพัดแรง จึงทำให้ไม่กล้าออกทำการประมงเพราะเสี่ยงเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ถึงแม้ว่าจะทำให้ขาดรายได้ต่อวัน 4000-5000 บาท ขนาดจอดหลบคลื่นลมหลังเขื่อนกันคลื่น บริเวณสะพานปลาคลองวาฬ ยังถูกลมพัดจนสมอหลุดเป็นเหตุให้เรือคว่ำเสียหาย 1 ลำ และขณะนี้กำลังช่วยกันเก็บกู้เรือขึ้นเกยชายหาด ซึ่งในช่วงที่ไม่สามารถออกทำการประมงได้ชาวบ้านก็แก้ปัญหาด้วยการออกรับจ้างเล็กๆน้อยๆหรือออกหาสัตว์ทะเลใกล้ๆชายฝั่งแทนเพื่อเป็นรายได้ประคับประคองในช่วงงดออกหาปลาในทะเลนอกชายฝั่ง
ไต๋เกียรติ วัย 56 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน 3 อ่าว เปิดเผยว่า ปกติตนเองจะจอดเรือไว้ที่บริเวณอ่าวน้อย แต่เมื่อเกิดกระแสลมแรงตนจึงงดออกทะเลแล้วรีบนำเรือเข้ามาจอดหลบคลื่นลมในอ่าวประจวบบริเวณด้านหลังเขาตาม่องล่าย เนื่องจากพื้นที่อ่าวน้อยไม่มีสถานที่ให้เรือได้จอดหลบคลื่นลม และมีกระแสลมแรงมาก โดยจะติดตามพยากรณ์อากาศจาก application ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจากประสบการณ์มีความแม่นยำเที่ยงตรงไม่ค่อยผิดพลาด โดยกลุ่มประมงพื้นบ้านชายฝั่งขนาดเล็กซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 ลำจะได้รับผลกระทบเหมือนกันทั้งหมด ถ้าหากไม่รีบนำเรือเข้ามาหลบก่อนที่กระแสลมจะพัดแรงจะไม่สามารถนำเรือเข้ามาจอดในบริเวณอ่าวประจวบฯได้ เนื่องจากขณะขับเรือเคลื่อนย้ายข้ามอ่าวจากอ่าวน้อยมาอ่าวประจวบระยะทางไกล และมีกระแสคลื่นลมที่แรงเสี่ยงถูกลมพัดทำให้เรือจมเกิดความเสียหายต่อเรือซึ่งเป็นทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ และอาจจะทำให้เสียชีวิตด้วยก็เป็นได้ โดยในช่วงที่หยุดทำการประมงนำเรือมาหลบคลื่นลมทำให้สูญเสียรายได้หลักหลายพันบาท แต่ก็ยังดีกว่าฝืนออกทะเลทำการประมงหากประสบอุบัติเหตุจะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าหลากหลายแสนบาท และอาจจะเสียชีวิตด้วยซ้ำ เสียหายหลักพันวันเดียวก็หามาทดแทนได้ แต่ถ้าเสียชีวิตหรือสูญเสียเรือประมงซึ่งเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพมันเกิดความเสียหายมหาศาลมากกว่า โดยเพื่อนชาวประมงบางส่วนที่หนีคลื่นลมเข้ามาหลบไม่ทันก็จะจอดเกยหาดสู้กระแสลมบริเวณหน้าชายหาดที่ตนเองอาศัยอยู่