ปทุมธานี-โชเฟอร์ชาวเมียนมาร์ขับกระบะชนหนุ่มวัย 43 ขณะข้ามถนนเสียชีวิตคาที่..!!

ภาพ-ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดปทุมธานี

            เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 11 มกราคม 2568 ร.ต.ท.เจษฎาสอนเมืองรอง สารวัตรสอบสวนสภ. คูคต ได้รับแจ้งมีรถกระบะ ชนคนเดินเท้ามีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณ ช่องทางเลนด่วน ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ตรงข้ามอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หลังรับแจ้งได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญ
            จุดเกิดเหตุเส้นทางขาเข้าใต้ทางด่วนโทลเวย์ เสาตอม่อที่ 793 28+264 ช่องทางเล่นด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าขาเข้ากรุงเทพฯ ตรวจสอบพบรถยี่ห้อ chevrolet สีดำ แบบคอกมุงหลังคาผ้าใบ ทะเบียน 1ฒง 213 กรุงเทพมหานคร สภาพรถด้านหน้าฝากระโปรงยุบพังยับ กระจกด้านหน้ามีรอยแตก ใกล้กัน ที่เกิดเหตุพบ ผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย โดยมีแผลฉีกขาด บริเวณใบหน้าและตามร่างกาย สภาพนอนหงายสวมเสื้อสีดำกางเกงสีดำ จากการตรวจสอบเอกสารทางราชการระบุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นาย พิทักษ์ หมีทองพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 2 ตำบลโคกสะอาดอำเภอหนองแซงจังหวัดสระบุรี
            จากการสอบถามนายมอ อายุ 50 ปีโชเฟอร์ชาวเมียนมาร์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเองมาจากรังสิต หลังจากที่กลับจากเที่ยว กำลังจะกลับบ้าน แถวซอยสุขสวัสดิ์ 60 ในขณะที่ขับรถมา เห็นผู้เสียชีวิต ข้ามมา และจะข้ามไปอีกฝั่ง ตนเองก็เบรคไม่อยู่เพราะ ใส่เสื้อสีดำ เพราะมองไม่เห็นเพราะมันกะทันหันมาก เหมือนมีอะไรเงาดำๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก อีกอย่างผู้เสียชีวิตใส่เสื้อสีดำ เพราะข้ามมากะทันหัน ตกใจจนเบรคไม่อยู่ก็ชนเขาอย่างจัง ตัวเองขับมาถูกต้อง เพราะมันเป็นช่องทางเลนด่วน แต่ไม่ได้ดื่มเหล้ามานะ เขามาตามปกติ ซึ่งในขณะขับรถมาก็มีเพื่อนมาด้วย 1 คนซึ่งเป็นชาวเมียนมาเหมือนกัน ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินตรวจสอบจุดบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งจุดนี้เมื่อปีที่แล้ว ตรงจุดที่รถทัวร์เกิดเหตุไฟไหม้คร่านักเรียนไปทั้งหมด 23 ชีวิตพอดี
          เบื้องต้น ร.ต.ท.เจษฎา สอนเมือง รองสารวัตรสอบสวน สภ.คูคต ได้มาตรวจสอบ บันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ก็จะได้เชิญคนขับ ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ. คูคต ส่วนผู้เสียชีวิตนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตอีกครั้งและจะได้ติดตามญาติเพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป