อุบลราชธานี-รอง ผบก.ตชด.ภาค 2 แถลงข่าวจับเครือข่ายยาบ้าข้ามชาติ ยึดยา 286,000 เม็ด
ภาพ-ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดอุบลราชธานี
วันนี้ ( 15 ม.ค.68 ) เวลา 15.30 น. ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ. คณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 อุบลราชธานี พ.ต.ท.จารุบุตร เรืองศรี รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 และนายลิขิต นพรัตน์ ป้องกันจังหวัด ร่วมกันแถลงข่าวตำรวจ ตชด.22 จับกุมเครือข่ายยาบ้าข้ามชาติ 3 รายพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 286,000 เม็ด
โดย พ.ต.ท.จารุบุตร เรืองศรี รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่22 ได้บูรณาการด้านการข่าว ร่วมกับสำนักงาน ปปส., กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 บช.ปส. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายกันติทัต (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี, นายระ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และ นายพสกร(สงวนนามสกุล)อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 286,000 เม็ด (143 มัด) โดยจับกุมได้ที่ บริเวณบ้านโสมน (สะโมน) หมู่ 11 ต.พรมเทพ อ.ทางตูม จ.สุรินทร์ ต่อเนื่องในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ที่ซอยชยางกูร 28/1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบทราบว่านายกันติทัต (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี มีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยตกลงวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นรูปขบวนการเครือข่ายกลุ่มนักค้ายาเสพติด มีกลุ่มบงการ หรือ “สั่งการ”คือราษฎรชาวลาว และนายกันติทัต เป็นผู้ทำหน้าที่จัดหาคนและยานพาหนะไปรับยาเสพติด ตามคำสั่งการของนายทุนชาวลาว จากนั้นร่วมกันลำเลียงไปส่งมอบให้กับลูกค้าผู้สั่งซื้อในพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์ โดยนายทุนชาวลาวจะเป็นผู้ส่งรายการยาเสพติดของลูกค้าให้ไปดำเนินการส่งมอบตามจุดต่างๆ และร่วมกันคอยเก็บรักษายาเสพติด(ยาบ้า) โดย จะใช้รถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อ เชฟโรเลตสีเทา หมายเลขทะเบียน บบ 33.. อุบลราชธานี ไม่ติดป้ายทะเบียนหลัง ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า)
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่า นายกันติทัต (สงวนนามสกุล)พร้อมพวก จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวนหนึ่ง นำไปส่งต่อให้กับลูกค้าที่พื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ติดตามความเคลื่อนไหว และเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ขับขี่มาตามถนนหมายเลข 2018 มุ่งหน้าไปยัง อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อเชฟโรเลต สีเทา หมายเลขทะเบียน บบ 33.. อุบลราชธานี จึงได้สะกดรอยติดตาม เข้าไปภายในถนนในหมู่บ้านโสมน หมู่ 11 ต.พรมเทพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ โดยรถคันดังกล่าวโยนสิ่งของลงที่บริเวณข้างทาง ชุดจับกุมจึงเข้าทำการสกัดกั้นตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบนายกันติทัต(สงวนนามสกุล), นายอชิระ(สงวนนามสกุล) และ นายพสกร(สงวนนามสกุล) นั่งอยู่ภายในรถยนต์
ชุดจับกุมได้นำตัวบุคคลทั้ง 3 มายังจุดที่โยนสิ่งของลง และเมื่อตรวจสอบพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4,000 เม็ด ซึ่งทั้งสามคนให้การรับสารภาพว่า ได้นำยาบ้ามาวางตามจุดต่างๆ ตามที่นายทุนฝั่งลาวสั่งการ โดยได้แบ่งหน้าที่กันทำโดย นายกันติทัต มีหน้าที่เป็นคนขับรถยนต์นายอชิระ มีหน้าที่เป็นคนวางยาเสพติด และนายพสกร มีหน้าที่เป็นคนแพ็คยาเสพติดใส่ถุง พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ไปขยายผลตรวจยึด ยาเสพติดที่ได้นำไปวางไว้ให้กับลูกค้าตามจุดต่างๆ รวม 2 จุด จำนวน 16,000 เม็ด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง มายังกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 จ.อุบลราชธานี เพื่อทำการตรวจค้นรถยนต์ของกลาง โดยใช้สุนัขตรวจค้นยาเสพติดทำการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 32 มัด 64,000 เม็ด นอกจากนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้นำยาเสพติดส่วนที่เหลือนำไปซุกซ่อนไว้ ในห้องเช่าภายใน ซอยชยางกูร 28/1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จึงได้นำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไปตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพัก จำนวน 101 มัด รวมยาบ้า จำนวน 202,000 เม็ด
พ.ต.อ. คณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 2 กล่าวว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 12 มกราคม ได้เดินทางไปรับยาเสพติด (ยาบ้า) ที่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ที่นายทุนฝั่งลาวนำมาวางไว้ โดยใช้รถยนต์กะบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผค – 10.. อุบลราชธานี เป็นพาหนะ จากนั้นได้เดินทางกลับมาที่บ้านพักของนายกันติทัต และนำยาเสพติดซุกซ่อนในช่องลำโพงรถยนต์กระบะ เชฟโรเลต สีเทา หมายเลขทะเบียน บบ -33..อุบลราชธานี เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าตามสั่งการ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ จับกุมได้รวมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 286,000 เม็ด ( 143 มัด ) และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จำนวน 15 รายการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป