ปราจีนบุรี-อภัยภูเบศรเปิดอบรมปลูกกัญชาทางการแพทย์เกษตรอินทรีย์
ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
อภัยภูเบศรเปิดอบรมปลูกกัญชาทางการแพทย์เกษตรอินทรีย์สำหรับประชาชนรุ่น 1
วันนี้ 17 ก.ย.62 ที่ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพบางเดชะ (ภูมิภูเบศร) ต.บางเดชะ อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี โดยกองส่งเสริมงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น จัดให้มีการจัดอบรม “การปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์สำหรับประชาชนและเกษตรกร” รุ่นที่ 1 ปี 2562 กำหนดระหว่างวันที่ 16 -19 ก.ย.62 ภาคบรรยายและปฏิบัติการ โดยมีนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธาน มีนายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรให้การต้อนรับ และกล่าวรายงาน
นายแพทย์นำพล กล่าวว่า “โครงการอบรมการปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์สำหรับประชาชนและเกษตรกร รุ่นที่ 1 สืบเนื่องจากการปลูกกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในประเทศจึงมีความจำเป็นที่เกษตรกรต้องได้ทราบถึงหลักการและแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้องทั้งทางกฎหมายและแนวทางด้านการเกษตรเพื่อให้ได้กัญชาที่มีคุณภาพนำไปใช้ทางประโยชน์ทางการแพทย์ได้จริง
การจัดอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานเพื่อทดสอบคู่มือสำหรับประชาชนและเกษตรกรในการปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์ให้แก่เกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงและช่วยพัฒนาศักยภาพประชาชนและเกษตรกรอีกด้วย
เนื้อหาการจัดอบรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วยองค์ความรู้ด้านการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์เรียนรู้พฤกษศาสตร์ของกัญชาหลักการและแนวทางปฏิบัติของการปลูกกัญชาแบบเกษตรอินทรีย์การดูแลและ สาขาการจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชสำหรับกัญชาในระบบเกษตรอินทรีย์รวมไปถึงแนวทางการขออนุญาตปลูกกัญชาสำหรับประชาชนและเกษตรกรพร้อมการสาธิตและฝึกปฏิบัติ
การอบรมครั้งนี้ได้จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 4 วันโดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองส่งเสริม งาน คุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยให้มูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นแกนกลางในการระดมผู้เชี่ยววชาญและผู้มีประสบการณ์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์และการปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ให้แก่เกษตรกรผู้เข้าร่วมอบรม
การจัดการอบรมครั้งนี้ทางผู้จัด คาดหวังให้เป็นแนวทางในการดำเนินการปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรและประชาชนได้ในอนาคต
ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วยกันนะเจ้าหน้าที่จากกองส่งเสริมงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาบุคลากรโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรคณะวิทยากรและเจ้าหน้าที่จากสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรีมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและกลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดต่างๆ” นายแพทย์นำพล กล่าว
ด้าน ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “ตอนนี้ในการปลูกกัญชา ของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีการขยายระบบ ตอนแรก เราปลูกในระบบปิด ซึ่งควบคุมปัจจัยในการเจริญเติบโตของกัญชา ในเรื่องของอาหารความชื้นแสงเป็นไปในทางทฤษฎี แล้วคิดว่าไม่เหมาะกับเกษตรกรทั่วไป
จึงใช้พัฒนาระบบแบบแปลงปลูกในโรงเรือนและแบ่งเปิดใช้วิธีการเรียนแบบธรรมชาติในยาแผนไทย ในสมัยก่อนให้กัญชาปลูกตรงกลางแจ้งเป็นแปลงเปิด ซึ่งเราเริ่มปลูกไปแล้ว
สำหรับแปลงโรงเรือนเราจะเน้นไป พันธ์ที่มีสาร cbd มันต้องเป็นตัวใหญ่ เด่น ในตัวของกัญชาและกันชงด้วย สารออกฤทธิ์ ทางการแพทย์ t h c และ cbd เด่น มีอีกหลายตัว อาจจะ เป็น พันธุ์หางกระรอก หรือพันธุ์ไทย ทั่วไป
เพื่อไปพัฒนาสายพันธุ์แล้วก็มีการใช้บริการที่ดีเด่นจึงต้องมีการพัฒนาสายพันธุ์ สักระยะหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็เราเองก็มีการใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีการดีเด่นอยู่ระหว่างการลงปลูกใน เพาะเมล็ด cbd กับ thc แล้วตอนนี้ก็ประมาณ 240 ต้น นี้ก็จะให้สาร cbd การพัฒนาการปลูกอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อการถ่ายทอดให้กับเกษตรกรและก็มีการอบรมเกษตรกรเพื่อใช้วัสดุท้องถิ่นในการมีการศึกษาในระบบเกษตรอินทรีย์และนำไปสู่การรับรองระดับสากลหรือเป็นความตั้งใจของเรา
ด้านการเปิดคลินิกรักษาโรค โดยกัญชา มีในวันจันทร์อาทิตย์สุดท้ายของเดือน ก็มีผู้ป่วยทั่วประเทศเดินทางมา มีการคัดกรองวิธีการใช้ยาที่มี TH C เด่น เราสามารถผลิตได้จำนวนมาก
ส่วน cbd เด่น ก็ต้องมี ชะลอการใช้ อยู่บ้างการรักษาก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องซึ่งโรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลแรกของอาเซียนประเทศประเทศที่ 2 ของเอเชีย อิสราเอล มีการใช้ที่โรงพยาบาลเหมือนกันส่วนของ เราเป็นประเทศที่ 2 ของเอเชีย ประเทศแรกของอาเซียน ในการที่นำมาใช้ในการแพทย์และมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องร่วมกันระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันแล้วก็มี เภสัชกร โรงพยาบาลคลินิก แพทย์แผนไทย ดำเนินการต่อเนื่อง”
และกล่าวต่อไปว่า “ในด้านการผลิตน้ำมันกัญชา เราผลิตได้เดือนละประมาณ 50,0 00ขวด TH C เด่นทั่วไปใช้ยาน้ำมันกัญชาที่มีเคเอฟซีในปริมาณที่ เหมาะสม ปริมาณเหมาะสม 0.5 มิลลิกรัม ต่อ หยด ต่างประเทศใช้ 1 มิลลิกรัมต่อ หยด ใช้น้อยก็ตอบสนองได้ดี
เราก็มีความหวังว่าเราจะสามารถพัฒนายากัญชาซึ่งต้องมีเรียกว่าค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆเรียนรู้ มีระบบข้อมูลกับเราว่าถนัดที่ไหนที่เหมาะสมใช้กับโรคอะไร และ ผลข้างเคียงอย่างไร และนำไปสู่วิจัย คลินิก ที่มีมาตรฐาน
การที่ประเทศไทยที่เป็นผู้นำในเรื่องของยาจากกัญชา นำไปสู่การส่งออกการวิจัยเช่นนั้น ก็เรา เชื่อเช่นนั้น ช่วยกัน เวลาอีก 4 ปีกว่า ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา 1 ปีแล้วที่เรายังไม่รับการขึ้นทะเบียนจากกัญชาจากต่างประเทศ เพื่อให้ระบบภายใน เข้มแข็งพอ เหลือเวลาอีก 4 ปีกว่าแล้วต้องพัฒนายากัญชามีมาตรฐานการติดตามการใช้ ยากัญชาที่มีมาตรฐานการวิจัยคลินิกที่มีมาตรฐาน ซึ่งได้ รับนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุข เขตบริการสุขภาพเขต 6 ร่วมกันทั้งเขต เป็นแนวทางพัฒนาคลินิกกัญชา”ภญ.ดร.สุภาภรณ์กล่าว
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/