ราชบุรี-ปราชญ์ชาวบ้านทำจุลินทรีย์ทดแทน 3 สารเคมีที่ถูกแบน
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)
รองประธานกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนลงพื้นที่ หลังหมอดินดีเด่นนำสมุนไพรมาหมักจนกลายเป็นจุลินทรีย์ที่สามารถนำไปทดแทน สารพาราควอต
วันที่ 7 พ.ย.62 ที่ศูนย์เรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมู่ 6 ต.แพงพวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี นายแพทย์ พลเดช ปิ่นปราทีป สมาชิกวุฒิสภา ,รองประธานกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เข้ามาเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ หลังนายชูชัย นาคเขียว หมอดิน ต.แพงพวย ที่สามารถคิดค้นจนสามารถ นำเอาสมุนไพรไปกำจัดวัชพืชทดแทน สารพาราควอต หลังจากที่มีการแบน 3 สารนี้ ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้ สามารถนำไปกำจัด วัชพืช ยุง มด บำบัดน้ำเสีย ปลอดภัยกับธรรมชาติและมนุษย์ ซึ่งนายชูชัยได้เอาความรู้จากการเป็นหมอดินมาคิดค้นลองผิดลองถูก จนเป็นจุลินทรีย์นี้ นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังมีต้นทุนที่ถูกชาวบ้านทั่วไปก็สามารถทำได้
นพ.พลเดช กล่าวว่า ได้ยินกิตติศักดิ์หมอดินว่า เป็นคนที่มีภูมิปัญญาที่ทำในเรื่องของเกษตรปลอดภัย และใช้สมุนไพรในการแก้ปัญหาเรื่องการฆ่าหญ้าและกำจัดแมลง โดยไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์ ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช้สารเคมีและปลอดภัย ในจังหวะนี้ก็มีเรื่องของการแบนสารเคมี 3 ตัว ที่ทางระดับของคณะกรรมการระดับชาติมีมติที่จะแบนสาร 3 ตัว แต่ก็มีฝ่ายที่ใช้เคมีออกมาคัดค้าน ส่วนหนึ่งก็ถามว่า “พอแบนสารเคมีแล้วจะเอาอะไรมาทดแทน” พอได้ยินกิตติศักดิ์ของหมอดินที่นี่ก็เลยขอมาดูโดยด่วนเลย โดยที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าอย่างกะทันหัน ต้องการมาดูแบบเงียบๆเพื่อที่จะเจาะลึกลงไป และอยากคุยกับหมอดินว่ามีความคิด หรือความรู้อะไรที่สำคัญ แต่พอมาดูแล้วก็ประจักษ์กับสายตาว่า ตรงนี้เป็นภูมิปัญญาที่เหมือนกับถูกมองข้าม
โดยระบบของประเทศส่วนใหญ่ เป็นไปตามกระแสหลัก ใช้เคมี และเป็นพืชเชิงเดี่ยว ในที่สุดก็ทำลายเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นผลเสียต่อสุขภาพ ตอนนี้เราต้องหันกลับมาทำตามคำสอนของพ่อ พอเพียง พึ่งตนเอง และไม่ต้องพึ่งสารเคมี ที่จะนำเข้ามาจากที่ไหน อย่างเช่น เรื่องของตัวสารไนโตรเจนที่เข้มข้นสูง แต่สกัดมาจากเนื้อปลา นำปลามาหมัก ก็หมักง่ายๆเหมือนสมัยก่อนที่หมักน้ำปลากิน มาเห็นอย่างนี้ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าใช้กระบวนการแบบนี้แล้วได้ไนโตรเจนเข้มข้น เข้มข้นกว่าที่ใช้สารเคมีอีก และปลอดภัยเพราะไม่ต้องใช้อย่างอื่นเลย ตรงนี้จึงน่าจะเป็นทางออกของแผ่นดิน ผมได้มองเห็นว่าแท้จริงทางออกของประเทศของแผ่นดินมันอยู่ที่แผ่นดินเอง อยู่ที่ภูมิปัญญาแพทย์สมุนไพรอย่างหมอดินที่นี้ แต่ท่านนำมาประยุกต์เอาความรู้แพทย์แผนไทยมาจัดการกับพวกวัชพืช พวกแมลง อะไรต่างๆที่เป็นศัตรูต่อพืชของเรา และจริงๆถูกกฎมาตลอด เพราะกฎด้วยอิทธิพลของธุรกิจ ธุรกิจการเกษตรที่ผ่านมากระแสหลักจะไปในทางนั้น แต่ในที่สุดเรารู้แล้วว่า เกษตรกรยิ่งทำยิ่งสุขภาพแย่ ยิ่งทำยิ่งจนยิ่งเป็นหนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำแล้วเป็นภูมิปัญญาแบบนี้ไม่ได้ผุดได้เกิด แต่วันนี้กรณีที่แบนสาร 3 ตัว เหมือนจะเป็นนิมิตหมายที่ดีบางอย่างที่ควรต้องหันกลับมาหาทางออกใหม่ ซึ่งทางออกใหม่ ไม่ได้อยู่ที่บนฟ้าเลย มันอยู่ที่ดินของเรานี่แหละ อยู่กับภูมิปัญญาของชาวบ้านแบบนี้ ดังนั้นผมจึงเห็นคุณค่าของการมาวันนี้ ว่ามีคุณค่าที่จะเป็นทางออกของประเทศได้
นพ.พลเดช ยังกล่าวต่ออีกว่า แม้ว่าทางนโยบายจะมีการแบนสาร 3 ตัว แต่คำถามว่าเรื่องนี้กระทรวงเกษตรเต็มใจไหม มันก็ยังไม่ใช่ แทนที่จะหันกลับ มาหนุนทางนี้ เราจึงต้องลุกขึ้นมาจัดการตัวเองด้วยภูมิปัญญาของเราเอง โดยที่ถูกกฎหมายทุกอย่าง ตามกติกาของบ้านเมืองทุกอย่าง เราจะจัดการตัวเองให้ได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ทั้งหลาย แต่มันต้องมีปราชญ์ชาวบ้านที่รู้จริงแบบนี้ กับฝ่ายนโยบาย วันนี้ผมเป็น สมาชิกวุฒิสภาก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ผมจะสื่อสารกับทางฝ่ายบริหาร คือรัฐบาลว่าจะหาทางออกให้กับบ้านเมืองจากภูมิปัญญาของการพึ่งตนเองแบบนี้ได้อย่างไร
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/