กาญจนบุรี-จนท.ไทย ตรวจเข้มชายแดน หลังทหารพม่าและทหารมอญปะทะเดือด
ภาพ/ข่าว:รักษพล พุ่มพฤกษ์
เสียงปืนเงียบลงแล้วรอการเจรจาจากทั้ง 2 ฝ่าย จนท.ไทย ตรวจเข้มชายแดน หลังทหารพม่าและทหารมอญปะทะเดือด
จากกรณีเกิดเหตุปะกันระหว่างกองกำลังทหารมอญ (MNLA) กองร้อยที่ 5 ชุดรักษาความสงบของหมู่บ้าน กับทหารพม่าและหน่วยป้องกันชายแดนทหารพม่า (BGF) ที่บ้านบ่อญี่ปุ่น ซึ่งห่างจากชายแดนไทย-พม่า บริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประมาณ 2 กม.
เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (28 พ.ย.62) ส่งผลให้ประชาชนชาวมอญบ้านบ่อญี่ปุ่น และบ้านไร่อ้อย ซึ่งเป็นเขตปกครองของพรรคมอญใหม่ ต้องอพยพหนีตายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ตะเข็บชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ กว่า 700 คน ขณะที่ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี ได้สั่งการให้กิ่งกาชาดอำเภอสังขละบุรีเข้ามาดูแลช่วยเหลือในเบื้องต้นตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ส่วนสถานการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการปะทะกันหลังจากหยุดยิงเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
และเมื่อเวลา 20.00 น. ของวานนี้ (27 พ.ย.62) พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พ.อ.อนิรุจน์ ดิษฐ์ประชา รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี พ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง ผบ.ร้อย ตชด.134 สังขละบุรี นายสถาพร บุญสมจิตร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านพระเจดีย์สามองค์ ได้เดินทางไปยังวัดเตาถ่าน พื้นที่หมู่ 9 ต.หนองลู ซึ่งกำหนดให้เป็นพื้นที่รองรับผู้หนีภัยการสู้รบในครั้งนี้ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีผู้อพยพมาขอพังพิง จำนวน 447 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านบ่อญี่ปุ่น ขณะที่ที่วัดซองกาเรีย พื้นที่หมู่ 8 ต.หนองลู ซึ่งเป็นอีกแห่งที่ใช้สถานที่พักพิงชั่วคราว มีผู้อพยพ จำนวน 117 คน ส่วนผู้อพยพที่เหลือจะมาอาศัยรวมกันอยู่ที่บริเวณพื้นที่ 6,000 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองลู ซึ่งเป็นสวนยางพารา ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพมาจากบ้านไร่อ้อย ซึ่งไม่ต้องการเข้าไปพักพิงตามสถานที่ที่ทางการไทยจัดไว้ให้ เนื่องจากต้องการเดินข้ามไปมา เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินของตัวเอง ท่ามกลางการควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยของกำลังเจ้าหน้าที่ไทย
โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเยี่ยมและพูดคุยไต่ถามทุกข์สุขของผู้อพยพเหล่านั้น ก่อนจะออกตรวจเยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ที่ตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนจากด่านเจดีย์สามองค์-จุดตรวจบ้านน้ำเกิ๊ก พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ป้องกันการลุกล้ำอธิปไตย และดูแลป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และในวันนี้ พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางรชยา ภูมิสวัสดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี จะเดินทางขึ้นมาติดตามสถานการณ์พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้อพยพตามมาตรฐานสากล
สำหรับสถานการณ์การสู้รบหลังทั้งสองฝ่ายหยุดยิง เนื่องจากทหารพม่าได้ร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนพม่า (BGF) สามารถเข้ายึดพื้นที่กองร้อยบ้านบ่อญี่ปุ่นได้แล้ว ขณะเดียวทหารมอญได้หลบหนีออกจากฐานกองร้อยที่ 2 มาหลบซ่อนตัวอยู่ทางด้านบ้านไร่อ้อย ฝั่งมอญ หมดแล้ว พบว่า ตลอดบ่ายวานนี้จนถึงขณะนี้ไม่มีการปะทะ โดยมีกระแสข่าวว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างการเจรจากัน เพราะจริงๆ แล้วได้ทำสนธิสัญญากันมาเป็นเวลานานแล้ว หากทาหรพม่าจะเข้าบริเวณบ้านสองหลังจะต้องไม่มีอาวุธจะมากี่คนไม่ว่า แต่ครั้งนี้ทางพม่าชุดนี้ไม่ยอมจึงเกิดปัญหาขึ้น
ส่วนสาเหตุของการปะทะกันระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่าย เกิดจากก่อนหน้านี้ บ้านสองหลัง ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนบ้านน้ำเกิ๊ก ฝั่งไทย ซึ่งมีพื้นที่ติดกับบ้านบ่อญี่ปุ่น ฝั่งมอญ บริเวณดังกล่าวทางทหารพม่าได้แจ้งว่าบ้านสองหลังรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนประเทศพม่า และที่ผ่านมาทหารพม่าได้เข้าไปตรวจสอบเป็นระยะๆ แต่เส้นทางที่จะไปบ้านสองหลัง จะต้องเดินทางจากเจดีย์สามองค์ ผ่านพื้นที่บ้านบ่อญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเขตปกครองของชนกลุ่มน้อยมอญ โดยได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหารพม่า ในข้อตกลงระบุว่า หากทหารพม่าจะเข้าไปในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย จะต้องแจ้งให้ทราบและต้องทำการปลดอาวุธเสียก่อน ซึ่งที่ผ่านมาทุกครั้งก็จะมีการปฏิบัติเช่นนั้น แต่เมื่อวานนี้ทหารพม่ามาในสภาพที่มีอาวุธครบมือ โดยมีกำลังพลไม่ต่ำกว่า 15 คน ซึ่งเมื่อมาถึงด่านทหารมอญ ตั้งอยู่ห่างจากเจดีย์สามองค์ประมาณ 3 กม. ทางทหารมอญจึงเรียกรถให้หยุดพร้อมปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ผ่าน แต่ทางฝ่ายทหารพม่าก็ยังคงดื้อดึง จนนำมาสู่การปะทะกันในครั้งนี้
ในส่วนของบรรยากาศบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ทางการไทยยังคงสั่งปิดด่านเป็นการชั่วคราว โดยห้ามไม่ให้คนไทยเข้าไปท่องเที่ยวในพญาตองซู ฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อความปลอดภัย ขณะที่ร้านค้าต่างๆ บริเวณโดยรอบด่านเจดีย์สามองค์ก็ยังคงปิดเงียบ เช่นเดียวกันกับแรงงานชาวเมียนมา ที่ข้ามแดนมาทำงานในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ วันนี้ก็ไม่ได้เดินทางมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวัน.
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/