ราชบุรี-วีระไม่เชื่อมั่นศรีวราห์ดูแลคดีที่ดินปารีณา
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ลงพื้นที่ตามความคืบหน้า คดีบุกรุกพื้นที่ป่าของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่สถานีตำรวจภูธรจอมบึง เผยไม่สบายใจหลัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลเกี่ยวข้องกับคดีหวั่นคดีไม่คืบ เพราะอดีตเคยมีปัญหากับตน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ธ.ค.62 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้เดินทางมาเข้าพบกับ พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีที่แจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในข้อหารุกป่า ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง ที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 682 ไร่ และอยู่ที่พื้นที่เขตป่าสงวน 46 ไร่ นั้น
โดยนายวีระได้สอบถามความคืบหน้าของคดีว่ามีการสอบสวนหน่วยงานหรือผู้เกี่ยวข้อง กับใครไปบ้างแล้ว และเรื่องของคดีตกไปอยู่กับหน่วยงานใด เพื่อจะได้ติดตามความคืบหน้าได้ถูกต้อง ซึ่งได้คำตอบกลับมาว่า ได้มีการเรียกสอบ นายปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ และชาวบ้านอีก 3 ปาก ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ส่วนนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ยังไม่ได้มีการเรียกมาให้ปากคำ
ทั้งนี้ พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.จอมบึง กล่าวว่า คดีนี้ได้มีการร้องทุกข์ที่กองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการเรียกประชุม รวมทั้งพนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าร่วมประชุมด้วยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และมีข้อสั่งการให้สอบส่วนเพิ่มเติม โดยให้พนักงานสอบ สภ.จอมบึง สอบสวนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และยังมีข้อสั่งการให้ทำหนังสือถึง ตร. เพื่อให้นำข้อมูลนี้ให้ บก.ปทส. เป็นผู้นำไปสอบสวนและได้โอนคดีไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และทำหนังสือเสนอพร้อมกับส่งมอบสำนวนให้ กองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) รับไปดำเนินการแล้ว ตอนนี้สำนวนจึงอยู่ที่ บก.ปทส.ทั้งหมด ส่วนนางสาวปารีณา เท่าที่ดูในสำนวนยังไม่ได้เรียกมาสอบสวน
พ.ต.ท.พสิษฐ์ ยังได้นำเอกสารมาชี้แจงความคืบหน้าของดีต่อ นายวีระ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สำนวนยังคงอยู่ที่ ตำรวจภูธรภาค 7 อยู่ระหว่างการรอส่งสำนวนไปที่ ปทส. ด้านนายวีระแย้งว่าเรื่องคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เกือบ 2 อาทิตย์แล้วแต่กลับนำไปดองไว้ที่ตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่ง ทางรองผู้กำกับสอบสอบชี้แจงว่าเรื่องคดีจะถูกส่งไปที่ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีก่อน จากนั้นจึงจะถูกส่งไปที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อจะส่งสำนวนไปที่ ปทส. ตามขั้นตอน
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า คดีนี้มองว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีท่าทีเรื่องนี้เลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่กลับไม่มีท่าทีที่จะส่งสัญญาณต่อทางพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา คงต้องจับตาดูแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สำหรับตนรู้สึกไม่สบายใจถ้าคดีถูก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากเคยมีปัญหากับตนอยู่แล้ว ตอนนี้ได้เข้ามายุ่งในคดีนี้อีก ซึ่งจะทำให้คดีนี้ไม่เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ ความจริงเรื่องดังกล่าวนี้จะต้องเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงจะถูกต้อง หรือจะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านอื่น ที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ น่าจะให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้จะดีกว่า
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายวีระ สมความคิด ได้เดินทางไปที่ สภ.สวนผึ้ง เข้าพบ พบกับ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ คงเปรม พนักงานสอบสวน เพื่อติดตามคดีที่มีการแจ้งความนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ บุกรุกป่ากว่า 600 ไร่ ในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่ง นายวีระ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ที่นำเสาไฟฟ้าเข้าไปปักในพื้นที่ที่นายทวี บุกรุกป่า และเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลภาค 8 ที่เข้าไปดำเนินการเจาะบ่อบาดาลให้จำนวน 13 บ่อ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงว่า ทำการเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 3 ราย
ซึ่งหลังจากที่นายวีระ ได้ติดตามความคืบหน้าแล้ว ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สอบปากคำ นายทวี ไกรคุปต์ ขณะที่ขอสอบถามข้อมูลไปที่ป่าไม้จังหวัดราชบุรี ก็ยังไม่ตอบกลับมา ขอข้อมูลไปยังนายก อบต.ท่าเคย เพื่อสอบถามการเสียภาษี ภ.บ.ท.5 ก็ยังไม่ตอบกลับมา ทำหนังสือไปถึงผู้จัดการไฟฟ้าราชบุรี สาขาสวนผึ้ง ว่าใครเป็นคนไปทำเรื่องขอไฟฟ้าเข้าไปในที่ป่าสงวนแห่งชาติที่นายทวี ครอบครองอยู่ ทางไฟฟ้าราชบุรียังไม่ตอบกลับมา ซึ่งก็ยังได้แนะนำให้สอบถามไปยังทรัพยากรน้ำบาดาลภาค 8 ว่าใครเป็นคนขออนุญาตขุดเจาะบ่อบาดาล 13 บ่อ ในที่ดินที่ ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ของนายทวี ไกรคุปต์
ส่วนคดีนั้นทราบว่าได้ย้ายไปอยู่ที่ บก.ปทส.แล้ว ก็คงจะต้องไปตามคดีที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง จริง ๆ แล้วคดีเรื่องนี้ต้องให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาดูแลเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ มีประชาชนสนใจมาก และยังมีการโยนเรื่องกันไปกันมาผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้าเลย ล่าสุดสำนวนเพิ่งจะส่งไปที่ ปทส. แล้ว ปทส.ก็ตอบกลับมาเมื่อเช้าเองว่า ตอนนี้เรื่องไปอยู่ที่สอบสวนกลางอีกแล้ว คิดว่าน่าจะถูกดึงเกมแล้ว
นายวีระ ยังกล่าวอีกว่า อย่าลืมว่า ตาม ป. วิอาญา พอมีการแจ้งความกล่าวโทษแล้ว หรือมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนต้องทำการสืบสวน สอบสวนโดยมิชักช้า กฎหมายจะใช้คำนี้ “โดยมิชักช้า” ต้องสืบสวนหาความจริงให้ได้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ผู้ที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็จะต้องทำความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต้องส่งไปที่อัยการ เพราะตนเองมีความประสงค์ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด ต้องให้ไปสู่กระบวนการยุติธรรมถึงศาลต่อไป เพราะต้องการเอาคนผิดเข้าคุกทุกคนด้วย ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ที่เข้าข่ายละเว้นที่ผ่านมาได้ปล่อยปละละเลย ให้ครอบครองบุกรุกที่ป่าสงวนที่ป่าไม้มาหลายสิบปีนั้นก็จะมีความผิดจะต้องดำเนินคดี ถ้าอันไหนอยู่ในอำนาจของ ส.ป.ก.แล้วไม่ดำเนินการปล่อยให้บุกรุก ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย และไฟฟ้าเอาเข้าไปในที่ป่าสงวนนั้นใครเป็นคนอนุญาต มีหน่วยงานหรือใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีทุกคนที่ทำให้เกิดความเสียหายกับรัฐ.
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/