นครปฐม-นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ
ภาพ/ข่าว:คัคเนศวร์ พรอัศวโยธิน
ขอบคุณภาพ:สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมในการเป็นประธานมอบค่าเวนคืนที่ดิน และตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี พร้อมกดปุ่มรีสตาร์ท เปิดหวูด เดินเครื่องจักรทันที คาดได้ใช้ภายใน ปี 2566 ผสานโครงข่ายการคมนาคมภาคตะวันตก ผสานโครงข่ายในภาคกลาง เป็นประโยชน์กับประชาชนภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และท่องเที่ยว สามารถ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ประชาชนเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 13 ธันวาคม 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธานมอบค่าเวนคืนที่ดิน และตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ที่ ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชนเข้าร่วมประมาณ 3,000 คน
โอกาสนี้พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ เพื่อให้โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี สามารถเดินหน้าต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันตก ที่จะเชื่อมโยงเข้ากับภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ
“รัฐบาลให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการดำเดินการโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล รวมถึงผู้ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการนี้ รัฐบาลมีความห่วงใยและมีหน้าที่ต้องเยียวยาให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดหรือไม่ได้รับผลกระทบเลย เพราะรัฐบาลเห็นว่าเป็นผู้เสียสละ ทำให้โครงการของรัฐบาลสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศ รัฐบาลจึงได้อนุมัติปรับกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน จากเดิม 5,420 ล้านบาท เป็น 17,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,032 ล้านบาท เพื่อให้การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางใหญ่ – กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร สำเร็จโดยเร็ว”
นายกรัฐมนตรี ย้ำด้วยว่า การดำเนินการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ จะทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ไปยังภาคตะวันตกของประเทศ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว มีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ในภูมิภาคดีขึ้น และ เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง ร่วมทั้งการท่องเที่ยว ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง อันจะนำไปสู่ความ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติไทย
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวยืนยันว่า การมอบค่าเวนคืน ในวันนี้มีประชาชนที่ได้รับค่าเวนคืนจำนวน 200 คน และทางกรมทางหลวง จะมีการจัดการพิธีมอบค่าเวนคืน ในวันที่ 19-20 ธันวาคม 2562 ในจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดราชบุรี ตามลำดับ โดยจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้
อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวด้วยว่า สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการมอบค่าเวนคืนปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 2,500 ราย จากทั้งหมด 4,574 ราย แบ่งเป็น ที่ดิน 1,853 รายการ ต้นไม้ 672 รายการ สิ่งปลูกสร้าง 834 รายการ โดยที่ประชาชน ที่ยังไม่พอใจในค่าชดเชยต่างๆ สามารถอุทธรณ์ต่อกระทรวงคมนาคมได้ในขั้นต่อไป ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมทางหลวงอำนวยความสะดวก และให้คำปรึกษา แก่ผู้ถูกมอบค่าเวนคืนในทุกขั้นตอน โดยปัจจุบัน(10 ธันวาคม 2562) ได้ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินไปแล้ว 3,341 ราย จากทั้งหมด 4,571 ราย คิดเป็น 37.09% กรมทางหลวง เชื่อมั่นว่า หลังจากที่มีการแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเวนคืนแล้วจะทำให้การก่อสร้างเดินหน้าต่อไป และเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด คือในปี พ.ศ. 2566 ประชาชนจะได้รับการคมนาคมที่รวดเร็ว ปลอดภัย สะดวกสบาย จะนำความเจริญเข้าสู่ภูมิภาคตะวันตก เชื่อมโยงไปสู่ภาคกลาง จะมีการสร้างงาน สร้างรายได้ จากภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ตามนโยบายของรัฐบาล
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/