ราชบุรี-ป่าไม้ ปรับวิธีรุกเคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์งดเผาป่า
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
หลังเกิดไฟป่า จนมีหมอกควันขาวโพลนปกคลุม 3 อำเภอ ใน จ.ราชบุรี จนหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 (พุยาง) อ.ปากท่อ เผยปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ค้านการรณรงค์ และประชาสัมพันธ์งดเผาป่า ด้วยวิธีรุกเคาะประตูบ้านประชาชนเพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ขณะที่เจ้าสำนักสงฆ์ห้วยน้ำหนัก อ.สวนผึ้ง รุกนำสิ่งของมอบให้เจ้าหน้าที่ดับไฟ
วันที่ 20 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ไฟป่าลุกไหม้ บริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และบริเวณอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ต.ยางหัก อ.ปากท่อ รวมไปถึงอีกหลายจุดใน อ.บ้านคา และ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้สภาพอากาศถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันขาวโพลน ไฟป่าได้ลุกไหม้กระจายไปหลายจุดทั่งพื้นที่ บางพื้นที่มีสภาพเป็นภูเขาสูงชัน ทำให้การเข้าไปดับไฟของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ประกอบกับมีกระแสลมพัดแรง มีกิ่งไม้และใบไม้แห้งทับถมอยู่ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีของการเกิดไฟป่า เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ อบต. เจ้าหน้าที่หน่วยดับไฟป่า หน่วยป้องกันรักษาป่า ราษฎรจิตอาสาในพื้นพยายามเข้าไปช่วยกันดับไฟกันอย่างต่อเนื่อง บางคนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์การทำงานที่เพียงพอ ทำให้การทำงานแก้ไขปัญหาไม่ทันต่อสถานการณ์
นายสุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ. 3 เปิดเผยว่า ไฟป่าที่ อ.ปากท่อสามารถควบคุมได้แล้ว จากการลาดตระเวน 2 วัน ในพื้นที่ของกรมป่าไม้รับผิดชอบยังไม่พบเพิ่ม แต่ทุกพื้นที่พร้อมที่จะเกิดไฟป่าได้ตลอดเวลา เนื่องจากปัญหาภัยแล้งมีเศษวัชพืชมีสภาพเป็นป่าไผ่ ถ้าเกิดไฟแล้วจะดับยาก หากเกิดกระแสลมแรงพัดขึ้นสู่ยอดเขา มีวิธีเดียวคือต้องทำแนวกันไฟ ขณะที่วันก่อนเกิดในสภาพพื้นที่สูงชัน เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างเข้าดับไฟ ซึ่งมีประชาชนจิตอาสามีน้ำใจที่จะมาช่วยกัน แต่บางพื้นที่ยังขาดอุปกรณ์เครื่องเป่าลม หน้ากากอนามัย น้ำดื่ม ซึ่งมีความจำเป็น เนื่องจากควันและฝุ่นละอองจะเป็นปัญหาต่อร่างกาย มีการลาดตระเวนดูพื้นที่ทั้ง อ.ปากท่อ และ อ.บ้านคา เขตรับผิดชอบของหน่วยฯ ส่วนของเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ต.ยางหัก ยังคงมีพื้นที่ไฟป่าลุกไหม้อยู่ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯได้เข้าไปทำแนวกันไฟเพื่อให้อยู่ในวงกรอบเขตจำกัดแล้ว
นายสุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ. 3 กล่าวอีกว่า สาเหตุการเกิดไฟป่ามาจากมนุษย์เป็นคนจุดและมาจากหลายประเด็น อาทิ อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดจับกุมช่วงมาตรการทวงคืนผืนป่าที่ผ่านมา จุดเพื่อล่าสัตว์ เก็บหาของป่า และแกล้งจุด อย่างปีที่แล้วตนได้ขึ้น ฮ.ตรวจสภาพพื้นที่ อ.ปากท่อ อ.บ้านคา เห็นมีการเดินจุดไฟบริเวณสันเขาเป็นจุด ๆ ลักษณะที่เกิดไฟจะพร้อมกัน ทำให้มีระยะทางยาว ประกอบกับถ้ามีกระแสลมแรงจะลุกลามรวดเร็ว อีกทั้งพื้นที่ราชบุรีมีสภาพป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณแล้ง เป็นไฟผิวดิน เป็นอันตรายต่อไม้เล็ก ไม้ใหญ่ ที่สำคัญเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
สำหรับในส่วนของพื้นที่ อ.ปากท่อ ที่ถูกไฟไหม้ประมาณ 1-2 พันไร่ บางจุดขึ้นไปดับไม่ไหวเพราะสภาพสูงชัน ถ้าช่วงกลางคืนหากน้ำค้างแรงก็จะสามารถดับได้เอง มีแนวคิดจะนำประกาศของจังหวัด ไปเดินเคาะประตูบ้านที่อยู่ติดเขตป่าเพื่อประชาสัมพันธ์ให้หยุดจุดไฟเผาป่า และประสานโรงเรียน เพื่อขอร้องให้พ่อ แม่ นักเรียนหยุดจุดไฟเผาป่า ซึ่งต้องช่วยกันหลายฝ่าย ขณะเดียวกันพระครูปลัดประพลฌศักดิ์ พลญาโณ เจ้าสำนักสงฆ์ห้วยน้ำหนัก ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้นำขนมคบเคียว น้ำดื่ม นมกล้อง และเครื่องดื่มชูกำลัง เกือบ 100 แพ็ก มามอบให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ. 3 (พุยาง) หมู่ 3 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ พร้อมให้กำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกนาย อีกทั้งยังมีผู้บริจาคเครื่องเป่าลมประมาณ 10 เครื่อง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานดับไฟป่า หากเกิดไฟป่าในพื้นที่ สามารถนำเครื่องเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ล่าสุด โดยทั่วไปยังกลุ่มควันปกคลุมไปทั่วพื้นที่ และยังพบเห็นกลุ่มควันการจุดไฟเผาป่าลอยพุ่งสู่ท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัดเจน บริเวณริมถนนมีสภาพรอยไหม้ของไฟเป็นระยะทางยาวเป็นช่วง ๆ อีกทั้งราษฎรจิตอาสาและเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาช่วยทำงาน ยังขาดอุปกรณ์และเครื่องมือด้านดับไฟป่า โดยผู้ที่สนใจร่วมบริจาคอุปกรณ์เครื่องมือ หรือของใช้จำเป็นสำหรับขึ้นดับไฟ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ. 3 เบอร์โทรศัพท์ 081-9957643
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/