ร้อยเอ็ด-ฮือ ฮา พบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์
ภาพ/ข่าว:คมกฤช พวงศรีเคน/อำนวย ระดาบุตร บก.ข่าว/สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ฮือ ฮา พบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ คาดเป็นไดโนเสาร์พันธุ์กินพืช ด้านรองผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.00 น.นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนาย วิชิต ศีลพันธ์ นายอำเภอโพธิ์ชัย นายกเทศมนตรีตำบลคำพอุง และคณะ พร้อมด้วยชาวบ้านตำบลคำพอุง ที่สนใจ การพบซากดึกดำบรรพ์ เป็นฟอสซิลของสัตว์ที่กลายเป็นหิน ที่ วัดป่าปัญญาวิริยาราม เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม .2562 ที่ผ่านมาเปิดเผย โดย พระครูปัญญา วิริยะสุนทร เจ้าคณะตำบลคำพะอุง อำเภอโพธิ์ชัย เปิดเผยให้กับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นพร้อมนำกระดูกขนาดใหญ่มาให้ชมด้วย ว่ามีชาวบ้านโนนใหญ่ ม.1 ต.คำพะอุง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด.ทำถนนเข้าไร่บริเวณเชิงเขาภู-กระ-โตด-พบชิ้นส่วนกระดูกขนาดใหญ่เป็นหิน คล้ายขาของสัตว์ตอนแรกชาวบ้านนึกว่าขาช้างจึงช่วยกันพิจารณาแล้วแจ้งทางผู้สื่อข่าว และทางอำเภออโพธิ์ชัย เข้ามาพิสูจน์ร่วมกัน เลยสรุปว่าน่าจะเป็นฟอสซิลของไดโนเสาร์ ในบริเวณเดียวกันยังมีหินชิ้น ใหญ่ น้อย ทับถมกันเต็มไปหมดเต็ม
และนายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนาย วิชิต ศีลพันธ์ นายอำเภอโพธิ์ชัย พร้อมด้วย นางสาว ศศอร ขันสุภา นักธรณีวิทยาชำนาญการ จากสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 ขอนแก่น เข้าตรวจสอบชิ้นส่วนฟอสซิล และตรวจสอบพื้นที่พบ ในวันนี้ จุดที่พบกระดูกกลายเป็นหินอยู่บริเวณเชิงเขา ม.1 บ้านโนนใหญ่ ตำบลคำพะอุง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ชาวบ้านเรียกว่า ภู-กระ-โตด ห่างจากจุดที่พบซากหอยกลายเป็นหินอายุ 130 ล้านปี(คตหอย)ประมาณ 3 กม.ริมถนนหมายเลข R-9 -EWEC หรือ East-West Economic Corridor – EWEC เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก หรือเรียกอีกอย่างว่า R9 หมายเลข 9 ซึ่งนางสาว ศศอร ขันสุภา สันนิษฐานว่าเป็นฟอสซิล ต้นขาหน้า เพียงส่วนหนึ่ง ของไดโนเสาร์ ชนิดกินพืช และจะมีการสำรวจพื้นที่โดยละเอียด ตามหลักวิชาการต่อไป
ด้าน นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้กล่าวย้ำให้ ทางอำเภอโพธิ์ชัย และท้องที่ ท้องถิ่น ให้ช่วยกันหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ตรงนี้ เพื่อให้มีการสำรวจถูกต้องตามหลักวิชาการ หากมีผู้ใดมาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณี ให้แจ้งทางจังหวัด โดยด่วน ทันที และนับว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม เหมาะในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/