เพชรบูรณ์-ยายวัย 76 ยื่นหนังสือ ร้องขอความเมตตาเรื่องทางเข้าบ้านถูกที่ข้างเคียงทำรั้วรอบปิดทางเข้าออก
ภาพ/ข่าว:สนม บุญจันทึก
ยายวัย 76 ปี เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ยื่นหนังสือร้องขอความเมตตา เรื่องทางเข้าออกบ้าน ที่ถูกที่ข้างเคียงทำรั้วสังกะสีติดเสาบ้านสูงท่วมหัว ปิดทึบแบบถาวร เข้าออกไม่ได้ เพื่อหาทางช่วยเหลือเป็นการด่วน ส่วนผู้ว่าฯ รับเรื่อง สั่งหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาทางช่วยเหลือครอบครัวผู้ร้องทันที
นางหนูสม คนมาก อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 2 ต.หนองสว่าง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ตนเอง กับนางทองม้วน วงษ์ตาผา บุตรสาว ได้เดินทางไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นเป็นผู้ประสานและนำพา หลังจากเข้าร้องนายอำเภอหล่มสัก แต่การ ช่วยเหลือนั้นหน่วยงานทางอำเภอหล่มสักมาตรวจสอบและช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นแล้วเรื่องทางสาธารณะเข้าบ้าน และเข้าร้องขอความเมตตากับผู้ว่าฯ อีกในวันเดียวกัน
นางหนูสมยังกล่าวว่า หลังจากได้เข้าพบท่านผู้ว่าฯ และได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบ หลังจากท่านผู้ว่าฯ ทราบแล้วได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดเพชรบูรณ์ กอ.รมน. ที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 กำนันตำบลหนองสว่าง และ นายก อบต.ฝายนาแซง ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบวันที่ 19 มีนาคม 2562 เวลา 10.30 น. ผลการตรวจสอบพบว่า ที่ของนางหนูสมด้านทิศตะวันออกถูกที่ข้างเคียงทำรั้วสังกะสีสูงท่วมหัวติดเสาแนวเขตหน้าบ้านทั้งหมด ไม่สามารถเข้าออกบ้านได้ แต่ตามโฉนดที่ดินเห็นว่ามีเส้นทางสาธารณะเก่าเส้นหนึ่ง อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ แต่เลิกใช้มากว่า 40 ปี มีขนาดกว้าง 1.50 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร แต่ปัจจุบันไม่เห็นทาง เป็นป่ารก และยังมีที่ข้างเคียงบุกรุกปลูกต้นไม้และอื่นๆ มีโอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ขวางเส้นทางสาธารณะนี้อีกด้วย
ในส่วนหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน ปลัดอำเภอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดินร่วมกันตรวจสอบเปิดหาหลักหมุดที่ดินเพื่อที่จะทำการเปิดทางสาธารณะเส้นเก่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวยายหนูสม แต่ต้องใช้งบประมาณส่วนหนึ่งของ อบต. ฝายนาแซง มาทำการพัฒนาเนื่องจากที่ดินเส้นทางเก่านี้เป็นป่ารกและมีสิ่งกีดขวาง แต่อย่างไรก็ตามจะทำการปรับปรุงให้ภายในเร็ววัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวผู้ร้องเรียนมีเส้นทางเข้าออกบ้านเพื่อไปโรงเรียนและทำมาหาเลี้ยงชีพได้ต่อไป
